ในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็ออกมาสั่งการย้ำให้เจ้าหน้าที่รัฐปราบปราม “หมูเถื่อน” อย่างเคร่งครัดรัดกุม ควบคู่ไปกับการหาทางป้องกันหมูเถื่อนในอนาคต โดยต้องไม่ให้เกิดผลกระทบถึงผู้บริโภคและเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องขยับแข้งขยับขาทำหน้าที่ได้เต็มที่ และเชื่อเหลือเกินว่าจะทำให้สามารถถอนรากถอนโคนขบวนการหมูเถื่อนได้ รวมไปถึงจะได้เห็นตัวบงการใหญ่ของขบวนการนี้อย่างแน่นอน
เมื่อกลางเดือนมกราคม 2566 ได้เห็นข่าวการฝังทำลายหมูเถื่อนกว่า 7 แสนกิโลกรัม กับที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดีอีกรวมๆ แล้วก็กว่า 1 ล้านกิโลกรัม อาจจะดูจำนวนมากอยู่ในสายตาของหลายคน แต่โดยข้อเท็จจริงแล้ว ปริมาณผลผลิตหมูของไทยในปัจจุบันอยู่ที่ 17-18 ล้านตัว หรือราว 2,000 ล้านกิโลกรัม “หมูเถื่อน” ยังสามารถกดดันราคาหมูไทยให้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นได้ แสดงว่าปริมาณหมูเถื่อนที่ปะปนอยู่ในตลาดเมืองไทยยังมีอยู่อีกมาก ดังเช่นที่สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ประเมินไว้ว่าการตรวจจับได้ 1 ล้านกิโลกรัมนั้นอาจจะเป็นเพียงส่วนน้อยนิดของทั้งขบวนการ หรือราว 5% ของปริมาณหมูเถื่อนทั้งหมดเท่านั้น ภารกิจของเจ้าหน้าที่จึงยังไม่จบและจำเป็นต้องกวดขันกวาดล้างให้หนักยิ่งขึ้น
หลักฐานที่เห็นได้ชัดคือ จำนวนชิ้นส่วนหมูในพื้นที่ภาคเหนือ ปกติภาคเหนือเป็นภาคที่ผลิตหมูได้ไม่เพียงพอต่อการบริโภคในพื้นที่ ต้องอาศัยหมูจากภาคอื่นๆ ส่งเข้าไปขาย โดยในแต่ละเดือนจะมีหมูจากทุกภาคส่งเข้ามาราว 2-3 ล้านกิโลกรัม แต่ปัจจุบันกลับพบว่ามีหมูจากภาคอื่นเข้ามาถึงราว 5 ล้านกิโลกรัม ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยว่าปริมาณหมูจะเพิ่มขึ้นมาเท่าตัว โดยที่ปริมาณการเลี้ยงไม่ได้เพิ่มขึ้น แนวโน้มชี้ชัดว่าเป็นการนำ “หมูเถื่อน” เข้ามาสวม และที่น่าแปลกใจอีกข้อคือ “หมูส่วนเกินนั้นเป็นหมูที่มีใบเคลื่อนย้ายถูกต้อง” ถามว่าถูกต้องได้อย่างไร? มีการฉ้อฉลเกิดขึ้นตรงขั้นตอนใดหรือไม่? คำถามนี้คงมีแต่เจ้าหน้าที่รัฐมือสะอาดเท่านั้นที่จะหาคำตอบมาเฉลยได้
แหล่งพักพิงของหมูเถื่อนหนีไม่พ้น “ตู้คอนเทนเนอร์” ที่จอดพัก ณ ท่าเรือแหลมฉบัง รวมถึง “ห้องเย็น” ที่กระจายกันอยู่ทั่วประเทศ ความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนจึงสำคัญยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นกรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ กรมการค้าภายใน หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องผนึกกำลังกันตาม “บัญชาของท่านนายกรัฐมนตรี” ใครเพิกเฉยน่าจะเจอข้อหา “ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่” ได้ง่ายๆ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผมไม่ห่วง เพราะเห็นความกระตือรือร้นของกรมปศุสัตว์ ที่มีผลงานจับกุมเชิงประจักษ์ แต่กับกรมศุลกากร สังกัดกระทรวงการคลังนี่สิ ไม่แน่ใจว่าให้ความสำคัญกับคำสั่งของนายกรัฐมนตรีแค่ไหน เพราะเท่าที่ทราบยังมีตู้คอนเทนเนอร์น่าสงสัยเรียงรายอยู่ในท่าเรือแหลมฉบังนับ 100 ตู้ และมีแนวโน้มว่าในตู้จะเป็นหมูเถื่อนแช่แข็งมาจากทวีปอเมริกาใต้และยุโรปอยู่ไม่ต่ำกว่า 10 ตู้ทีเดียว ไม่เข้าใจว่ารออะไร เหตุใดจึงไม่เข้าตรวจสอบจับกุมให้รู้แล้วรู้รอดไป นี่ยังไม่นับวิธีการกระจายสู่ประเทศเพื่อนบ้าน แล้วแตกย่อยเป็นกองทัพมดใส่รถกระบะเข้ามาทางชายแดน ซึ่งเป็นภาระหน้าที่ของกองกำลังต่างๆ ที่ต้องป้องกันตะเข็บชายแดนอย่างเข้มแข็ง
การประกาศย้ำให้จัดการหมูเถื่อนต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้กระทบเกษตรกรและผู้บริโภค ตามที่ท่านนายกฯ กล่าวนั้นบางคนมองว่าเป็นการหาเสียง แต่อย่างน้อยท่านได้ใจเกษตรกรคนเลี้ยงหมูไปแล้วนับแสนคน จะพรรครวมไทยสร้างชาติ ของท่านนายกฯ หรือพรรคประชาธิปัตย์ของท่านรัฐมนตรี ก็ถือว่ามีภาษีดีกว่าพรรคอื่นๆ ที่ไม่คิดหยิบยกเอาความเดือดร้อนของคนเลี้ยงหมูมาช่วยแก้ไขเลย
โดย สามารถ สิริรัมย์