เชียงใหม่ - สาวเจ้าของร้านอาหารดังเชียงใหม่โวย คปภ.อุ้มบริษัทประกันที่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมจ่ายค่าเช่ารถใช้ระหว่างซ่อมให้ตามความเป็นจริง หลังต้องควักจ่ายวันละ 1,600 บาท แต่กลับจะชดเชยให้แค่วันละ 500 บาท หอบเรื่องเข้าร้องอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายภาค 5 วอนขอความเป็นธรรมและความช่วยเหลือทางกฎหมาย
วันนี้ (1 ก.พ. 66) รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ที่สำนักงานอัยการภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ นางสาวกานต์ทิตา งอกงาม อายุ 30 ปี เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งในอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เข้าพบ ดร.สนธยา เครือเวทย์ อัยการพิเศษ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายภาค 5 เมื่อวานนี้ (31 ม.ค. 66) เพื่อร้องขอความเป็นธรรมและขอความช่วยเหลือทางกฎหมาย จากกรณีที่รถยนต์ส่วนตัวถูกชนได้รับความเสียหาย โดยรถยนต์ของคู่กรณีทำประกันภัยไว้กับบริษัทประกันแห่งหนึ่ง ซึ่งตกลงรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ทั้งการซ่อมรถที่ให้นำเข้าซ่อมในอู่ที่บริษัทประกันจัดหาให้และค่าใช้จ่ายในการเช่ารถใช้งานระหว่างซ่อม
อย่างไรก็ตาม เมื่อรถซ่อมเสร็จและส่งหลักฐานค่าใช้จ่ายการเช่ารถให้ทางบริษัทประกันแล้ว ปรากฏว่าบริษัทกลับปฏิเสธที่จะจ่ายค่าเช่ารถให้ตามความเป็นจริง
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้นางสาวกานต์ทิตาได้เข้าร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ภาค 1 (เชียงใหม่) แล้วแต่ไม่เป็นผล จึงเข้าร้องขอความเป็นธรรมและความช่วยเหลือทางกฎหมายต่อสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและบังคับคดีจังหวัดเชียงใหม่
นางสาวกานต์ทิตาเปิดเผยว่า รถยนต์เก๋งยี่ห้อ MG รุ่น MG6 ของตัวเองถูกรถยนต์กระบะของคู่กรณีชนเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 65 ซึ่งรถยนต์ของคู่กรณีทำประกันไว้กับบริษัทประกันแห่งหนึ่งที่ได้เข้ามาตกลงที่จะรับผิดชอบค่าเสียหายในการซ่อมและเช่ารถยนต์ใช้งานทดแทนระหว่างที่ต้องส่งรถของตัวเองเข้าซ่อม โดยตัวเองได้นำรถยนต์เข้าซ่อมที่อู่ ซึ่งทางบริษัทประกันเป็นฝ่ายจัดหาให้ในช่วงเช้าวันที่ 15 พ.ย. 65 และไปรับรถที่ซ่อมเสร็จในช่วงเย็นวันที่ 20 พ.ย. 65 ตามที่นัดหมาย จากนั้นได้ส่งหลักฐานเพื่อประกอบการขอสินไหมทดแทนให้กับทางบริษัทประกัน เพื่อขอรับเงินค่าเช่ารถใช้งานระหว่างซ่อมเป็นเวลา 5 วัน วันละ 1,600 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 8,000 บาท แต่ต่อมาทางบริษัทประกันพิจารณาแล้วแจ้งว่าจะจ่ายให้เพียงวันละ 500 บาท และจ่ายให้เพียง 4 วันเท่านั้น
ตัวเองมองว่าไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม พร้อมยืนยันให้จ่ายตามความเป็นจริง แต่ทางบริษัทประกันไม่ยินยอม ทำให้ต้องยื่นร้องเรียนต่อทาง คปภ.ภาค 1 (เชียงใหม่) ให้ช่วยไกล่เกลี่ยเจรจาเรื่อยมา กระทั่งล่าสุด คปภ.แจ้งว่าทางบริษัทประกันยืนยันที่จะจ่ายค่าเช่ารถให้ 4 วัน วันละ 1,000 บาท เป็นเงิน 4,000 บาทเท่านั้น โดยบริษัทประกันอ้างว่าตัวเองใช้เวลาซ่อมรถในอู่ 4 วันเท่านั้น และตัวเองเลือกเช่ารถยนต์เกินความเหมาะสมทำให้มีค่าใช้จ่ายถึงวันละ 1,600 บาท
ในความเป็นจริงนั้น เหตุผลที่ต้องเช่ารถเป็นเวลา 5 วันเนื่องจากในการเช่ารถเมื่อรับรถแล้วจะต้องส่งคืนตามเวลาที่รับไม่เช่นนั้นจะนับเพิ่มเป็นวันใหม่ ซึ่งตัวเองเช่ารถเพื่อนำรถเข้าซ่อมอู่ในตอนเช้า แต่วันไปรับรถออกมาเป็นตอนเย็น ทำให้ต้องจ่ายค่าเช่ารถรวม 5 วัน ส่วนความเหมาะสมและราคานั้น ตัวเองเช่ารถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส ที่มีความเหมาะสมใกล้เคียงเทียบเท่ากับรถยนต์ของตัวเองที่ใช้งานปกติ ไม่ได้มีความหรูหราเกินพอดีแต่อย่างใด และค่าเช่ารถวันละ 1,600 บาท ก็เป็นราคาตามที่ทางบริษัทรถเช่ากำหนดในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว
สำหรับรายละเอียดและหลักฐานต่างๆ นั้น ตัวเองได้แจ้งให้ คปภ.และบริษัทประกันทราบทั้งหมดแล้ว เพื่อร้องขอให้จ่ายเงินให้ตัวเองตามความเป็นจริงที่ตัวเองต้องเสียไปเท่านั้น แต่กลับไม่สามารถทำได้ จนทำให้รู้สึกเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยเฉพาะทาง คปภ.ที่ดูคล้ายกับว่าจะช่วยเหลือปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทประกันมากกว่าประชาชน ทำให้ตัวเองต้องเข้าร้องขอความเป็นธรรมและความช่วยเหลือทางกฎหมาย ต่อสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและบังคับคดีจังหวัดเชียงใหม่
ขณะที่ ดร.สนธยา เครือเวทย์ อัยการพิเศษ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายภาค 5 เปิดเผยว่า เบื้องต้นมอบหมายให้สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและบังคับคดีจังหวัดเชียงใหม่รับเรื่องของผู้เสียหายไว้แล้ว พร้อมกับเตรียมประสานไปทาง คปภ.ภาค 1 (เชียงใหม่) เพื่อขอทราบรายละเอียดต่างๆ ในการที่จะดำเนินการให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยตามข้อกฎหมายกรณีที่เกิดการละเมิดขึ้นมา การที่ทางฝ่ายผู้เสียหายจะได้รับการบรรเทาค่าเสียหายอย่างไรนั้น จะต้องเป็นไปตามความเป็นจริง
กรณีนี้รถของผู้เสียหายถูกชนได้รับความเสียหายและต้องนำส่งซ่อมนั้น ถือเป็นการถูกทำละเมิด เมื่อผู้เสียหายต้องไปเช่ารถมาใช้ระหว่างซ่อมและเป็นการเช่าอย่างเหมาะสมตามสถานภาพ ทางฝ่ายผู้ละเมิดจะต้องรับผิดดังกล่าว ซึ่งกรณีนี้บริษัทประกันน่าจะมีหลักเกณฑ์อยู่แล้ว ทั้งนี้จะต้องจ่ายตามความเป็นจริงและหลักฐาน โดยนอกจากกรณีที่ผู้เสียหายเข้าขอความช่วยเหลือทางกฎหมายในกรณีนี้แล้ว อยากฝากประชาสัมพันธ์ให้ทราบทั่วกันว่า หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือคุ้มครองดูแลทางด้านกฎหมายในทุกๆ เรื่อง สามารถเข้าขอความช่วยเหลือหรือขอคำปรึกษาได้ที่สำนักงานอัยการทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น