ศาลชั้นต้น “ยกฟ้อง” แพะคดียาเสพติด หลังถูก ปส. จับกุม อ้างหลักฐานส่งยาทางพัสดุ จากเชียงราย ไปสุราษฎร์ เมื่อปี 2563
วันนี้ (24 ม.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมครอบครัว นายวีรโชติ และทนาย เดินทางมาฟังคำพิพากษาในคดีเลขที่ 0404/2564 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวีรโชติ สุทธิกุล ในความผิดฐาน “สมคบฯและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามึนไฮโครคลอไร) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” ขณะที่จำเลยนั้น เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวมาฟังคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐาน โดยเฉพาะพยานรายสำคัญของฝ่ายโจทก์ ซึ่งเป็นพนักงานบริษัทขนส่งสินค้า ใน จ.เชียงราย ให้การยืนยันว่า มีบุคคลชื่อ วีรโชติ สุทธิกุล มาส่งพัสดุ ที่สาขานี้ถึง 6 ครั้ง โจทก์ให้พยานชี้ภาพถ่ายของจำเลย โดยไม่มีภาพบุคคลอื่น มาปะปน ซึ่งเป็นบัตรประชาชนของจำเลยที่ทำไว้เมื่อ 4 ปี พยานยืนยันว่า คนมาส่งพัสดุ คือ จำเลย แต่เมื่อนำจำเลย มายืนปะปนกับบุคคลอื่นอีก 6 คน เพื่อให้พยานชี้ตัวอีกครั้ง พยานกลับใช้เวลาในการตัดสินใจนาน และไม่แน่ใจว่า จำเลยคือ คนที่มาส่งพัสดุหรือไม่ ขณะที่ พยานโจทก์ ซึ่งเป็นผู้จัดการบริษัทกำจัดแมลง เพื่อนร่วมงาน และ ลูกค้า ของบริษัทกำจัดแมลง ที่จำเลย ออกไปปฏิบัติงาน ในวันที่ 11 พ.ค. 2563 ซึ่งเป็นวันเดียวกับการส่งพัสดุ ที่ จ.เชียงราย ต่างให้การไปในทำนองเดียวกัน
โดย ผู้จัดการบริษัทกำจัดแมลง ระบุว่า ในช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงให้พนักงานสแกนลายนิ้วมือ การเข้า และ ออกงาน ผ่านระบบออนไลน์ หากมีการแก้ไขข้อมูลจะต้องมีการแจ้งให้ทางแอดมินและฝ่ายบุคคลทราบ แต่ในวันเวลาดังกล่าว ยืนยันว่า นายวีรโชติ จำเลยรายนี้ ได้มีการสแกนลายนิ้วมือจริง และไม่ได้มีการแก้ไขข้อมูลแต่อย่างใด
ซึ่งสอดคล้องกับคำยืนยันของจำเลย ว่า ในวันดังกล่าวได้สแกนลายนิ้วมือเข้าออกการทำงาน และไปปฏิบัติงานกำจัดแมลงให้กับลูกค้าย่านบางแค และบางบอน รวม 2 จุด โดยเพื่อนร่วมงาน ก็ให้การยืนยันว่า นายวีรโชติ ไปปฏิบัติงานจริงโดยมีภาพถ่ายการทำงานในวันเวลาดังกล่าวมายืนยันด้วย
ขณะที่ลูกค้าของบริษัทกำจัดแมลง ที่นายวีรโชติ เข้าไปปฏิบัติงาน ก็ให้การยืนยันว่า นายวีรโชติ มาปฏิบัติงาน และนำเอกสารภายหลังการปฏิบัติงานเสร็จสิ้นมาให้กับทางลูกค้าเซ็นกำกับ
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปได้เลยว่าในวันที่ 11 พ.ค. 2563 ซึ่งเป็นช่วงเวลาส่งพัสดุ ประมาณ 09.00-10.00 น. ในจังหวัดเชียงราย แล้วจำเลย จะกลับมาปฏิบัติงานที่กรุงเทพฯในช่วงเวลาประมาณ 11:00 น. แม้จะเดินทางด้วยเครื่องบินก็ตาม เห็นว่า พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า จำเลยกระทำผิด ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังขึ้น พิพากษายกฟ้อง และให้ออกหมายปล่อยจำเลย เพื่อปล่อยตัวจากเรือนจำวันนี้
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ซึ่งได้รับการประสานจากการครอบครัวของนายวีรโชติ เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบคดีนี้ เพราะเชื่อว่า นายวีรโชติ เป็นแพะในคดียาเสพติด วันนี้ ได้เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาด้วย พร้อมระบุว่า การใช้อำนาจของตัวเองที่มีอ้างว่าเป็นดุลพินิจนั้น ควรต้องตัดสินด้วยพยานหลักฐาน เป็นสำคัญ เมื่อ นายวีรโชติ พิสูจน์ตัวเองได้แล้ว มีเจ้าหน้าที่ยืนยันแล้วว่า ทำงานอยู่กรุงเทพฯโดยวิธีสแกนมือ ซึ่งเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่คำพูดคนมันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ วันนี้ได้ฟังคำพิพากษาของศาล ว่า พยานชี้รูปและไม่ชี้ตัวจริง เพราะมาเจอตัวจริงไม่กล้าชี้ ก็เป็นข้อสงสัยอยู่แล้ว เพราะส่วนตัวเคยได้คุยพยานรายนี้ ว่า บุคคลที่มาส่งพัสดุ ไม่ใช่ นายวีรโชติ แต่พอไปเบิกความในศาล กลับเบิกความยืนยันว่าเป็น นายวีรโชติ ดังนั้น จะพิจารณาแจ้งความเอาผิดกับพยานรายนี้ต่อไป
ขั้นตอนหลังจากนี้ จะเดินหน้าเรียกร้องเงินเยียวยาที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้นายวีรโชติ ได้รับเงินเยียวยาในคดีที่ตกเป็นแพะ แต่ทั้งนี้ ต้องดูว่าอัยการจะอุทธรณ์หรือไม่ เพราะถ้าอัยการอุทธรณ์ ก็คงไปสู้ในชั้นอุทธรณ์ และจะอ้างอิงจากคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ออกมาชัดเจนอยู่แล้วว่าพยานโจทก์ไม่น่าเชื่อถือ
ขณะที่มารดาของนายวีรโชติ กล่าวทั้งน้ำตา ว่า รู้สึกดีใจมาก รอคอยคำพูดนี้มานานแล้ว ที่อยากให้ศาลพิพากษายกฟ้อง โดยตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ครอบครัวพังหมด พ่อก็เสียชีวิต ส่วนลูกสาวของนายวีรโชตินั้น แม่ของหลานจะมารับไปดูแล พอช่วงวันศุกร์-อาทิตย์ ก็จะนำมาฝากไว้ตนเองดูแล ซึ่งตนเองบอกกับหลานว่า ที่ผ่านมา พ่อไปทำงานและวันนี้ก็จะได้เจอกับพ่อแล้ว