นครสวรรค์ - เจ้าคณะอำเภอท่าตะโกตามตัว-จับสึกแล้ว “พระมหาฉันบวบ” หลัง “แพรรี่-ไพรวัลย์” เปิดภาพหลักฐานแฉชัด ปิดบัญชีพระเสพกาม
ความคืบหน้ากรณีเพจเฟซบุ๊ก “ไพรวัลย์ วรรณบุตร” ได้โพสต์แฉข้อมูล พระระดับมหามีพฤติกรรมเลี้ยงเด็กชายเอาไว้บำเรอกาม แถมยังเอาเงินไปซื้อรถยนต์ให้กับเด็กคู่ขาไว้ใช้ขับอย่างสบาย ก่อนจะเผยภาพเป็นหลักฐานตามมา
กระทั่งช่วงเช้าวันนี้ (29 ม.ค. 66) เมื่อผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่วัดหางน้ำ ต.ท่าตะโก อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ แล้วพบว่าพระมหานพพลได้ออกจากวัดไปตั้งแต่ 8 โมงเช้าที่ผ่านมา ไม่มีวี่แววว่าจะกลับวัด ขณะเดียวกัน ภายในวัดหางน้ำก็เกิดความแตกตื่น เมื่อบรรดาชาวบ้าน และลูกศิษย์ลูกหามากกว่า 200 คนเดินทางมารวมตัวเพื่อสอบถามหาข้อเท็จจริง โดยส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าพระมหานพพลจะมีพฤติกรรมแบบนั้น พร้อมกับขอให้ แพรรี่-ไพรวัลย์ ออกมาเปิดเผยหลักฐานภาพหรือคลิปให้ชัดเจน ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ต่อมาเพจเฟซบุ๊ก “ไพรวัลย์ วรรณบุตร” ได้งัดหลักฐานเด็ดด้วยการโพสต์ภาพ พระมหาฯ นั่งแนบเอวอยู่กับชายหนุ่มเสื้อสีฟ้า และทำปากเหมือนดูดอมอะไรบางอย่าง พร้อมระบุข้อความว่า “ไม่เชื่อดิฉันกันเลยเหรอคะ ภาพไม่งดไม่งาม จะให้ดิฉันแชร์จริงๆ เหรอคะ ดิฉันไม่อยากให้ภาพแบบนี้อยู่ในโซเชียลเลยนะคะ ไม่ได้สงสารพระ แต่สงสารเด็กในรูปค่ะ ยอมรับเถอะนะคะ เปลี่ยนชุดซะ หรือไม่ก็กลับวัดไปประชุมเปิดอกยอมรับกับชาวบ้านอย่างตรงไปตรงมา จะได้จบนะคะ”
หลังจากมีการเผยแพร่ภาพดังกล่าว ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินเข้าพบและสอบถามพระธวัชชัย ถิรธมฺโม หรือหลวงพี่โป๊ด เลขานุการวัดหางน้ำ ซึ่งเปิดเผยว่าได้เห็นภาพตามกระแสข่าวแล้ว แต่อาตมาก็ยังไม่รู้อะไรมากมาย ก็คงต้องให้เป็นไปตามหลักฐาน ถูกก็ว่าไปตามถูก ผิดก็ว่าไปตามผิด ส่วนเรื่องการติดต่อท่าน อาตมาก็ยังไม่สามารถติดต่อได้เลยตั้งแต่เช้า (29 ม.ค.)
เมื่อถามกรณีพระมหานพพลถูกแฉภาพเป็นหลักฐานมัดแน่นแบบนั้น พระธวัชชัย ถิรธมฺโม หรือหลวงพี่โป๊ด ระบุแค่ว่า ไม่ขอออกความเห็น เพราะที่ผ่านมาปีกว่าพระมหานพพลไม่เคยแสดงออกว่ามีพฤติกรรมตุ้งติ้ง หรือแสดงออกในเรื่องเพศเลย อาตมาไม่เคยเห็นจริงๆ แต่เรื่องภาพที่ปรากฏออกมาก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรม หากผิดก็ต้องว่าไปตามผิด
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีรายงานว่าพระมหานพพลได้หนีไปแอบสึกออกจากการเป็นพระ กลายเป็นนายนพดลแล้ว ซึ่งมีข้อมูลจากแหล่งข่าวรายงานว่านายนพดลได้เดินทางออกจากวัดไปตั้งแต่ 8 โมงเช้า แต่ไม่ได้ไปรับกิจนิมนต์ตามที่กล่าวอ้างกับพระเลขาฯ โดยยังคงอยู่ในพื้นที่ อ.ท่าตะโกเพื่อรอดูท่าที จนกระทั่งได้มีการแฉภาพออกมา จึงทำให้ทางเจ้าคณะอำเภอท่าตะโก ต้องให้พระที่มีความสนิทกับนายนพดลโทรศัพท์ตามให้เจ้าตัวเดินทางมาพบ และทำการสึกออกจากการเป็นพระในที่สุด