xs
xsm
sm
md
lg

“สภาลมหายใจภาคเหนือ” ยื่น สตง.จี้ตรวจสอบเข้มข้นการใช้งบแนวกันไฟป่า-หวั่นโดนหักหัวคิว 30%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - “สภาลมหายใจภาคเหนือ” ผลักดัน “ป่าโปร่งใส” ยื่นหนังสือพร้อมรายชื่อประชาชนถึงสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เรียกร้องติดตามตรวจสอบอย่างเข้มข้นการใช้เงินงบประมาณโครงการจัดทำแนวกันไฟของกรมอุทยานแห่งชาติฯ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด หวั่นมีการเรียกเก็บเงิน 30% ตามข่าวทุจริต


วันนี้ (19 ม.ค. 66) ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 8 (จังหวัดเชียงใหม่) นายวิทยา ครองทรัพย์ ผู้ประสานงานสภาลมหายใจภาคเหนือ พร้อมด้วยนายอนุสรณ์ ไชยวรรณ ประธานสภาลมหายใจลำพูน และนายธนพงษ์ วังทอง ตัวแทนสภาลมหายใจเชียงใหม่ ร่วมกันเป็นตัวแทนประชาชนยื่นหนังสือพร้อมรายชื่อผู้สนับสนุน ทั้งจากทางระบบไลน์กลุ่ม จำนวน 40 ชื่อ และจากทางแคมเปญ “ป่าโปร่งใส” ในเว็บไซต์ change.org อีกประมาณ 1,700 รายชื่อ เพื่อขอให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 8 (จังหวัดเชียงใหม่) ตรวจสอบติดตามโครงการจัดทำแนวกันไฟของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้เป็นไปตามการจัดจ้าง เพื่อให้การป้องกันปัญหาไฟป่ามีประสิทธิภาพในระหว่างวิกฤตการณ์ฝุ่นควันประจำปี โดยมีนายพงษ์ศักดิ์ สุระประสิทธิ์ ผู้ช่วยผู้ตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 8 (เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แม่ฮ่องสอน) เป็นผู้รับหนังสือดังกล่าว

โดยนายวิทยา ครองทรัพย์ ผู้ประสานงานเครือข่ายสภาลมหายใจภาคเหนือ เปิดเผยว่า การยื่นหนังสือดังกล่าว สืบเนื่องจาก สภาลมหายใจภาคเหนือ / บ้านก้อแซนด์บ็อกซ์ และประชาชนผู้สนใจปัญหาฝุ่นควัน ได้มีปฏิบัติการเรียกร้อง “ป่าโปร่งใส” ขอให้รัฐบาลกำกับติดตามดูแลตรวจสอบการใช้งบประมาณแก้ไขไฟป่า ฝุ่นควันภาคเหนือให้เป็นไปโดยโปร่งใส และเปิดให้มีส่วนร่วม ซึ่งจากข่าวอื้อฉาวเรื่องการทุจริตเรียกเก็บเงินจากงบประมาณของกรมอุทยานฯ ตามที่ทราบโดยทั่วกันแล้วนั้น ยังมีข้อมูลว่าหน่วยงานเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ปัญหาไฟป่าจะถูกเรียกเก็บในสัดส่วนมากที่สุดถึง 30% ซึ่งหากเป็นเรื่องจริงจะเกิดผลกระทบต่อประสิทธิภาพการป้องกันปัญหามลพิษฝุ่นควันและไฟป่าที่เป็นวิกฤตเรื้อรังในภาคเหนือมายาวนาน โดยเฉพาะกิจกรรมป้องกันไฟ เช่น การจัดทำแนวกันไฟ ตลอดถึงอุปกรณ์ความพร้อมของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และอาจจะรวมถึงการปล่อยให้เกิดไฟไหม้ในป่าโดยไม่จำเป็น เพื่อรักษาสัดส่วนงบประมาณที่ได้รับต่อไปในแต่ละปี


ทั้งนี้ นายวิทยาบอกว่า หากมีกรณีเช่นนั้นย่อมส่งผลกระทบต่อสาธารณชนโดยตรง เพราะภาคเหนือเกิดวิกฤตมลพิษอากาศและเกิดปัญหาไฟในป่าจำนวนมาก ดังนั้นกิจกรรมเกี่ยวกับป่าอนุรักษ์ของรัฐควรจะเปิดเผย โปร่งใส และควรจะต้องเปิดให้สาธารณะเข้าไปมีส่วนร่วม ได้รับรู้ตั้งแต่ต้น จึงอยากจะให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการให้เกิด “ป่าโปร่งใส” นับจากนี้ โดยเครือข่ายผู้เรียกร้องจึงขอยื่นหนังสือต่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 8 ที่ดูแลพื้นที่เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แม่ฮ่องสอน ให้ พิจารณาดำเนินการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างตามแผนงาน จัดทำแนวกันไฟในป่าอนุรักษ์ของหน่วยงานในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้เป็นไปตามข้อกำหนดจ้าง และก่อให้เกิดประโยชน์ในการป้องกันไฟป่าอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ นายวิทยากล่าวว่า ในแต่ละปี หน่วยงานในสังกัดกรมอุทยานฯ ได้ใช้งบประมาณจัดทำแนวกันไฟในภาคเหนือรวมกันยาวประมาณ 15,000 กม. โดยใช้งบประมาณจัดจ้างทำแนวดังกล่าวประมาณ 5,000 บาทต่อกิโลเมตร ซึ่งเป็นงบประมาณจำนวนมากในแต่ละปี ขณะที่ล่าสุดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ได้ประกาศประกวดราคาทำแนวกันไฟในเขตป่าจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน ระยะทางประมาณ 4,100 กิโลเมตร ซึ่งหากมีการเรียกเงินจากกิจกรรมนี้ 30% ตามข่าวจริง อาจจะส่งผลทำให้แนวกันไฟไม่เป็นไปตามกรอบการจ้าง อีกทั้งแนวกันไฟมีระยะทางยาวมาก อยู่ในป่าเขาสูง ยากที่คนภายนอกจะเข้าไปตรวจสอบ จึงต้องร้องขอให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่มีหน้าที่ตรวจสอบโดยตรงพิจารณาดำเนินการต่อไป

แฟ้มภาพ

แฟ้มภาพ




กำลังโหลดความคิดเห็น