ปราจีนบุรี - มารศาสนา! ผู้ปกครองสามเณร วัย 12 ปีร้องสื่อ บุตรชายถูกหลวงตา วัย 66 ปี ล่วงละเมิดทางเพศข้ามปีขณะจำวัดใน จ.ปราจีนบุรี จนทวารหนักฉีกขาด-ติดเชื้อรุนแรง เข้าแจ้งความ ตร.แต่คดีไม่คืบ เหตุไม่สามารถตามตัวหลวงตาบวชนาน 13 พรรษา มาสอบสวนดำเนินคดีได้
วันนี้ (18 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ว่า หลวงตาถาวร อายุ 66 ปี ซึ่งบวชนานถึง 13 พรรษาได้กระทำอนาจารและล่วงละเมิดทางเพศสามเณรเอ (นามสมมติ) วัย 12 ปี ที่เข้ามาบวชเรียน ณ วัดหัวเขา ม.14 ต.บ้านพระ อ.เมืองปราจีนบุรี เนื่องจากเกิดปัญหาครอบครัวหย่าร้าง จนเป็นเหตุให้ทวารหนักเกิดการฉีกขาด และเกิดอาการติดเชื้ออย่างรุนแรง
โดยสามเณรเอ ถูกล่วงละเมิดทางเพศมาตั้งแต่เดือน มิ.ย. เรื่อยมาจนถึงช่วงปลายปี 2565 และเมื่อหลวงตาถาวร ได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดใหม่สามัคคี ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.5 ก็ยังมีพฤติกรรมไม่เปลี่ยนแปลง และยังออกอุบายหลอกล่อสามเณรเอ ให้เข้าไปหาภายในกุฏิ โดยหลอกลวงว่าจะซื้อโทรศัพท์มือถือให้ 2 เครื่อง และห้ามไม่ให้สามเณรนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปบอกใครก่อนจะล่วงละเมิดทางเพศสามเณรอย่างรุนแรงจนกระทั่งทวารหนักเกิดการอักเสบ และมีหนองไหลจากติดเชื้อ
และเมื่อสามเณรเข้ารับการรักษาที่รักษาที่ รพ.สต.บ้านพระ อาการไม่ดีขึ้น จนต้องถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร อ.เมืองปราจีนบุรี ซึ่งเมื่อแพทย์ผู้รักษาสอบถามข้อเท็จจริงเพื่อชันสูตรโรคจึงทราบว่าถูกหลวงตาวัย 66 ปี กระทำการล่วงละเมิดถึง 6 ครั้ง จึงแจ้งเรื่องไปยังผู้ปกครองให้ได้รับทราบ ก่อนที่ผู้เป็นมารดาจะพาสามเณร เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี วันที่ 31 ธ.ค.65
แต่ปรากฏว่า หลวงตาถาวร ผู้ก่อเหตุได้หลบหนีออกจากวัดใหม่สามัคคี และขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถติดตามตัวมาสอบสวนข้อเท็จจริงได้
ด้าน พระสายัณห์ ธีปะธัมโม รองเจ้าอาวาสวัดหัวเขา เผยว่า หลวงตาที่ถูกกล่าวหามีชื่อว่า พระปลัดถาวร สุขเจริญ อายุ 66 ปี ซึ่งได้อุปสมบทที่ จ.นครราชสีมา และเข้ามาจำพรรษาแรกอยู่ที่วัดบ้านพระ ส่วนพรรษาที่ 2 ได้เข้ามาจำวัดที่วัดหัวเขา กระทั่งเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น
และจากการลงพื้นที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ปราจีนบุรี ฝ่ายปกครอง อ.เมืองปราจีนบุรี และนายธิติ กิตติวิทิตคุณ ปลัดอำเภอเมืองปราจีนบุรี พร้อมด้วยฝ่ายปกครองสงฆ์ คื
จึงทำให้ทางครอบครัวเกิดความกังวลว่าคดีจะไม่มีความคืบหน้า จึงเข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งตามตัวหลวงตารายดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย