กาญจนบุรี - รองผู้ว่าฯ กาญจน์ ติดตามความคืบหน้าพบเสือโคร่ง อ.เมือง-ไทรโยค ด้านหัวหน้าเขตสลักพระ เผยติดกล้อง 24 ตัว 4 วันแล้วยังไร้ร่อยรอย ส่วนกำนันตึ๋งยันเสือไม่อันตราย แค่ครบวงรอบเดินผ่าน ชาวบ้านชินแล้ว ขอนักท่องเที่ยวไม่ต้องกังวล
จากกรณีชาวบ้านพบเสือโคร่งเดินอยู่ที่ชายป่าทางเดินเข้าไร่มันสำปะหลัง ท้องที่บ้านท่ากะทิ หมู่ 6 ต.ช่องสะเดา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้บูรณาการร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบ ปรากฏว่าพบรอยเท้าเสือโคร่งขนาดใหญ่ คาดว่าอายุประมาณ 7-8 ปี
ต่อมา นางประนอม เสงี่ยมไพศาล แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบว่า วันที่ 6 ม.ค.2566 เวลา 04.00 น. พบเสือโคร่ง จำนวน 1 ตัว วิ่งตัดหน้ารถยนต์ของตน เสือตัวดังกล่าวมุ่งหน้าเข้าพื้นที่ป่าหลังมหาวิทยาลัยมหิดล โดยเห็นลวดลายเสือโคร่งบริเวณใบหน้าอย่างชัดเจน
ซึ่งจากการติดตามตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบรอยเท้าเสือเดินไปตามขี้เถ้าแนวกันไฟบนป่าภูเขาหลังมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี หมู่ 9 ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พิกัด 47P 0516519E 1560633N โดยรอยเท้าเสือโคร่งมีขนาดความกว้าง 10 ซม. ยาว 13 ซม. ระยะห่างระหว่างการก้าว 120 ซม.ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เย็นวันนี้ (9 ม.ค.) ที่ห้องประชุมสำนักงานที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ หมู่ 4 บ้านหนองหอย ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มอบหมายให้ นายศักรินทร์ ทุมเสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เดินทางไปติดตามความคืบหน้ากรณีชาวบ้านพบเสือโคร่งในพื้นที่บ้านท่ากะทิ หมู่ 6 ต.ช่องสะเดา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี รวมทั้งในพื้นที่ป่าภูเขาหลัง มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี หมู่ 9 ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
โดยมีนายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ นายสุพล คำเสนาะ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค นายประวัฒน์ พวงทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ นายไพโรจน์ เขียวแก้ว หัวหน้าหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ไทรโยค กจ.1 (ท่าเสา) นายวสันต์ สุนจิรัตน์ กำนันตำบลช่องสะเดา พร้อมผู้นำท้องถิ่นให้การต้อนรับ และร่วมประชุมหารือถึงกรณีการพบเสือโคร่งดังกล่าว โดยการประชุมหารือใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ นายศักรินทร์ ทุมเสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยภายหลังว่า จุดประสงค์แรกที่เดินทางมาในวันนี้เพื่อต้องการมาตรวจเยี่ยมหน่วยเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ โดยตั้งแต่มีข่าวว่าเสือโคร่งพลัดหลงมาในพื้นที่จึงได้มาติดตามและสอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกำนันผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งข้อมูลที่ได้มาพบว่ามีการพบเสือและรอยเท้าของเสือโคร่งในเขตพื้นที่บ้านท่ากะทิ ต.ช่องสะเดา อ.เมือง และพื้นที่ด้านหลังมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี อ.ไทรโยค จริง
ซึ่งในวันนี้เราได้นำข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดมาพูดคุยและปรึกษาหารือกันว่า ถ้าเราหรือชาวบ้านไปเจอเสือโคร่งแล้วเราจะทำอย่างไร ซึ่งขณะนี้เราได้ทำการประชาสัมพันธ์สร้างความรับรู้ให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่รู้ว่าถ้าเจอเสือโคร่งแล้วจะทำอย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อตัวเอง ซึ่งโชคดีที่ทางเขตรักษาพันธุ์ฯ ได้ดำเนินการติดตั้งกล้องดักถ่ายสัตว์เพื่อติดตามดูว่ามีสัตว์ชนิดใดผ่านไปบ้าง รวมทั้งเสือโคร่งที่พบด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการติดตั้งมาแล้ว 4 วัน จนถึงปัจจุบันยังไม่พบเสือโคร่งเดินผ่าน
ซึ่งเราให้ความสำคัญกับชุมชนโดยเฉพาะกำนัน และผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งอำเภอเมืองกาญจนบุรี ให้ช่วยกำชับการประชาสัมพันธ์สร้างความรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจว่าถ้าเจอเสือแล้วจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้ได้รับอันตรายในชีวิตและทรัพย์สิน และที่สำคัญขอให้ชาวบ้านอย่าได้ตื่นตระหนกสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ เท่าที่ทราบจากกำนัน รวมทั้งผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ต.ช่องสะเดา พบว่าชาวบ้านในพื้นที่เห็นเสือโคร่งอยู่เป็นประจำทุกปี ทำให้ชาวบ้านเกิดความเคยชินไปแล้ว ซึ่งทุกคนไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด แต่เพื่อความมั่นใจ จึงได้กำชับให้กำนันหรือผู้ใหญ่บ้านประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสายให้ทราบเป็นระยะๆ ส่านการติดตามความเคลื่อนไหวของเสือโคร่งที่พบ จะให้เจ้าหน้าที่รายงานให้จังหวัดกาญจนบุรีทราบทุกๆ 3 วัน
ด้านนายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการติดตามความเคลื่อนไหวของเสือโคร่งที่พบทั้ง 2 อำเภอว่า เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ออกติดตามว่าเสือโคร่งที่พบนั้นเคลื่อนไหวไปในทิศทางใด โดยเริ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเสือโคร่งที่บ้านท่ากะทิ หมู่ 6 ต.ช่องสะเดา อ.เมืองกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 4 ม.ค.66 และมาเจอเสือโคร่งอีก 1 ตัวในช่วงเช้ามืดของวันที่ 6 ม.ค.ที่ อ.ไทรโยค
โดยนายอนันต์ โพธิ์พันธ์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสังกัด สบอ.3 (บ้านโป่ง) รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่า นำกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของเสือโคร่ง จากการติดตามตั้งแต่บ้านท่ากะทิ หมู่ 6 ต.ช่องสะเดา ไปจนถึงจุดพบเสือโคร่งในพื้นที่อำเภอไทรโยค เป็นระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร
สำหรับจุดที่พบเสือโคร่งในพื้นที่บ้านท่ากะทิ ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขานำพุ ได้ติดตั้งกล่องดักถ่ายสัตว์เอาไว้ตามเส้นทางที่คาดว่าเสือโคร่งจะเดินผ่าน จำนวน 8 ตัว แต่จนถึงทุกวันนี้ยังไม่พบ ส่วนจุดที่พบเสือบริเวณป่าหลังมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี ทางกรมอุทยานฯได้ร่วมกับมห่วิทยาลัยติดตั้งกล้องดักถ่ายเอาไว้อีก จำนวน 16 ตัว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่พบเสือโคร่งเดินผ่านกล้องเช่นกัน
ส่วนนายวสันต์ สุนจิรัตน์ กำนันตำบลช่องสะเดา เปิดเผยว่า พื้นที่ตำบลช่องสะเดาของเราที่ผ่านมานั้น เมื่อครบวงรอบช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี จะพบเสือตัวนี้ผ่านมาในพื้นที่ตำบลช่องสะเดาทุกปี และบางปีมาพร้อมกันถึง 2 ตัว โดยเสือจะมาอยู่ในพื้นที่นานเป็นอาทิตย์จากนั้นก็หายไป จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาของชาวบ้านไปแล้ว ที่ผ่านมาเมื่อชาวบ้านเจอรอยเท้าเสือ จะมีการบอกต่อทั้งทั้งเฟซบุ๊กและไลน์กลุ่มให้ทราบว่าบริเวณนั้นมีเสือผ่านเข้ามา ขอให้ทุกคนเฝ้าระวังและหาวิธีหลบหลีกในเวลาที่พบกับตัวเอง แต่ที่ผ่านมาหากพบว่าโซนไหนมีเสือเข้ามาเราจะห้ามไม่ให้ชาวบ้านเข้าไป
ตนในฐานะผู้นำชุมชนกล้ายืนยันได้เลยว่า เสือโคร่งที่พบไม่มีอันตรายต่อพี่น้องประชาชน รวมทั้งสัตว์เลี้ยงของประชาชนอย่างแน่นอน เพราะเสือที่พบเป็นการครบวงรอบที่เสือเดินผ่านมาจากนั้นก็หายไป ส่วนนักท่องเที่ยวที่ติดตามข่าวสารว่า ต.ช่องสะเดาหรือจังหวัดกาญจนบุรีมีเสือโคร่งเพ่นพ่านในพื้นที่ เรื่องนี้ขอให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการมาไม่ต้องกังวลใจ เพราะคนในพื้นที่เองไม่มีความกังวล ขอให้นักท่องเที่ยวสบายใจได้ สำหรับเสือตัวที่พบนั้นเคยพบมาแล้วไม่น้อยกว่า 8-9 ปี