xs
xsm
sm
md
lg

ซ้ำซากเกินทน! ชาวแม่ฮ่องสอนร้องศูนย์ดำรงธรรมฯ อีก จี้แก้ปัญหาร้านอาหารเสียงดังเกลื่อนเมืองด่วน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แม่ฮ่องสอน - ชาวเมืองแม่ฮ่องสอนสุดทนแล้ว..รวมตัวร้องศูนย์ดำรงธรรมฯ-เจ้าของที่ดินซ้ำอีก หลังเจอปัญหาร้านอาหารเสียงดังตั้งเกลื่อนเมือง สร้างปัญหามลพิษทางเสียงจนไม่ได้หลับได้นอน บางรายอ้างเปิดร้านข้าวต้มแต่ขายเหล้ากันโจ่งครึ่ม


นายอุดม ชมพูศรี พร้อมตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากปัญหามลพิษทางเสียงจากร้านอาหารที่ตั้งเรียงรายเกลื่อนตัวเมืองแม่ฮ่องสอน สร้างความเดือดร้อนมานานและเคยร้องไปยังหลายหน่วยงานต่างปัดความรับผิดชอบ ต้องเดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอนอีกครั้ง เพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน

นายบุญรุ่ง คำของ นิติกรของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นผู้มารับหนังสือจากตัวแทนชาวบ้าน พร้อมรับปากจะดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ก็เคยมีผู้ร้องเรียนในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วหลายราย ซึ่งจะต้องประสานไปหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่อาจจะต้องใช้เวลาราว 1-2 สัปดาห์ก็น่าจะทราบผล

หลังจากทราบถึงแนวทางการปฏิบัติและระยะเวลาของการดำเนินการแล้ว กลุ่มตัวแทนชาวบ้านก็เดินทางต่อไปยังเจ้าของที่ดินรายใหญ่ ที่ให้ร้านอาหารแห่งหนึ่งเช่าดำเนินการจนก่อปัญหาขึ้น ซึ่งทางเจ้าของที่ดินเองก็รับเรื่องไว้และจะหาทางแก้ไขร่วมกับผู้ประกอบการที่เช่าที่ดินอีกครั้งหนึ่ง เพื่อหาทางออกว่าจะต้องทำอย่างไรไม่ให้กระทบชาวบ้านหรือชุมชนเหมือนที่ผ่านๆ มา เพราะร้านอาหารที่เช่านั้นก็เปิดดำเนินการและก่อสร้างอาคารของร้านเอง เป็นลักษณะอาคารแบบเปิดโล่ง จึงทำให้เสียงออกไปรบกวนจนเกิดปัญหาขึ้นดังกล่าว

กลุ่มตัวแทนชาวบ้านที่รวมตัวกันมาร้องต่อศูนย์ดำรงธรรมในครั้งนี้เปิดเผยว่า ปัญหาที่ต้องเดินทางมาร้องต่อศูนย์ดำรงธรรมในครั้งนี้มาจากปัญหาเรื่องเสียงจากการประกอบกิจกรรมของร้านอาหารเป็นหลัก จากปกติเราเคยนอนประมาณ 22.00 น. แต่เดี๋ยวนี้กว่าจะได้นอนก็ราวตีหนึ่ง เพราะร้านอาหารจะปิดก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว กว่าที่ลูกค้าจะออกจากร้านก็ 01.00 น.

ปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะเกือบ 1 เดือนได้แล้ว มีคนได้รับความเดือดร้อนและลงชื่ออยู่ 17 ครัวเรือน แต่ยังมีที่ยังไม่เจอกัน รวมๆ แล้วน่าจะเกินกว่า 30 ครัวเรือน ก่อนหน้านี้ที่ไม่มีปัญหาก็เพราะทางร้านไม่ได้เอาดนตรีสดมาเล่น จะมีเพียงการเปิดเพลงเบาๆ หรือเล่นดนตรีโฟล์คซองชิ้นเดียวให้ลูกค้าฟัง หรืออาจจะมีบ้างที่นานๆ ครั้งมีงานปาร์ตี้หรืองานเทศกาลพิเศษแบบนั้นเราพอเข้าใจและทนได้

แต่มาระยะหลังนี้ทางร้านกลับเอาดนตรีสดเล่นแบบเต็มวง กีตาร์ เบส กลองครบชุด โดยเฉพาะเสียงนักร้องดังมาก พอมีดนตรีสดเล่นแบบนี้แล้วเขาไม่สามารถคุมเสียงให้อยู่เฉพาะในร้านได้ ยิ่งเล่นยิ่งดึกยิ่งดัง บางครั้งช่วงหัวค่ำเราเองหลับไปแล้วแต่ต้องมาสะดุ้งตื่นตอนห้าทุ่มหรือเที่ยงคืน เพราะนักร้องตะโกนอย่างเมามันและเมาด้วย

“ลูกค้าสนุก นักดนตรีสนุก เจ้าของร้านได้เงินสนุก แต่ความทุกข์ตกที่ชุมชนและชาวบ้านที่อยู่ข้างเคียง ตอนนี้เราทนไม่ไหวแล้วเพราะแต่ละบ้านมีทั้งเด็กแรกเกิด ผู้ป่วยติดเตียง เด็กๆ ที่จะต้องไปเรียนแต่เช้า คนทำงานที่จะต้องตื่นแต่เช้าไปทำงาน ทุกคนต่างได้รับผลกระทบและเดือดร้อนไปหมดจากร้านอาหารเหล่านี้ แม้ว่าเราพยายามที่จะเจรจาหรือพูดคุยขอร้องก่อนแล้วก็ไม่เป็นผล”

ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยแจ้งเหตุไปที่ 191 แจ้งตำรวจให้เข้ามาช่วยปรามหรือลดเสียงลง แต่เมื่อตำรวจเข้ามาที่ร้านก็พบว่าทางร้านเองก็ไม่ได้ใส่ใจหรือให้ความสนใจจะดำเนินการอะไร พอเราโทร.เข้าไปแจ้งที่ตำรวจบ่อยๆ ก็แจ้งกลับมาว่าตำรวจเองไม่มีอำนาจจะให้ทางร้านลดเสียง จึงต้องรวมตัวกันมาแจ้งขอความช่วยเหลือที่ศูนย์ดำรงธรรมกับเจ้าของที่ดินที่ให้ร้านเช่า


โดยหวังว่าหน่วยงานของภาครัฐเองจะเข้ามาควบคุมให้อยู่ในกรอบที่กฎหมายกำหนด ทำให้ชุมชนได้รับผลกระทบน้อยลงกว่านี้ นอกจากนี้ยังหวังว่าเจ้าที่ดินที่ให้ร้านเช่าจะเข้ามาร่วมกันมีบทบาทเพื่อแก้ไขปัญหาตรงนี้ ในดุลยพินิจของเจ้าของที่ที่หากพบว่าเป็นการกระทำที่ผิดเงื่อนไขของการเช่าก็น่าจะพิจารณาให้ไปเปิดดำเนินการที่อื่น ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อชุมชนมากกว่า หรือหากคิดว่าทุกคนต่างทำมาหากินไม่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน เสียงไม่รบกวนชาวบ้านก็อยู่ตรงนั้นได้ไม่ใช่ปัญหา

เพราะเท่าที่ทราบตอนนี้ก็ยังคงมีอีกหลายร้านที่ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านอยู่ในขณะนี้ ซึ่งชุมชนก็ต้องช่วยกันดูแล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติหรือทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมดทั้งจังหวัด ออกตรวจตราดูแลทุกข์สุขของประชาชนบ้าง แทนที่จะรอให้เราร้องเรียนเข้าไปถึงจะออกมาทำงาน หรือรอให้เกิดเรื่องก่อนถึงจะออกมาป้องปราม ที่สำคัญควรจะประชุมผู้ประกอบการร้านค้าร้านอาหารเหล่านี้ให้มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าจะเปิดหรือปิดให้บริการกี่โมง ทำได้แค่ไหนอย่างไรจะดีกว่า

สำหรับปัญหามลพิษทางเสียงของร้านอาหารเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอนขณะนี้ เกิดผลกระทบต่อชาวบ้านมาอย่างยาวนาน กระจายอยู่หลายแห่งรอบตัวเมือง ทั้งที่ถนนปางล้อนิคม ถนนนาวาคชสาร ถนนสัมพันธ์เจริญเมือง บางร้านอ้างว่าเปิดเป็นร้านข้าวต้ม แต่กลับพบพฤติกรรมขายแอลกอฮอล์ให้ลูกค้าหลังเที่ยงคืนไปแล้ว แทบทุกร้านให้บริการเป็นแบบร้านอาหารเปิดโล่งและมีดนตรีตั้งแต่ 1-4 ชิ้นเล่นให้กับผู้เข้าไปใช้บริการฟัง ที่สำคัญบางร้านยังไปเปิดบริการอยู่หน้าสถานศึกษาจนกลายเป็นข้อถกเถียงกันว่าสามารถเปิดร้านขายเหล้าหน้าสถานศึกษาในเขตโซนนิ่งได้หรือไม่

และแทบทุกคืนจะต้องมีชาวบ้านแจ้งปัญหาร้านอาหารเสียงดังอยู่เสมอ ผลมาจากแนวทางการควบคุมที่ไม่ชัดเจน ร้านอาหารเองก็อ้างว่าขออนุญาตแล้ว ซึ่งชาวบ้านแอบเอาเครื่องวัดเสียงไปวัดหลายครั้ง กลายเป็นปัญหาคาราคาซังมานาน จนบานปลายมีชาวบ้านรวมตัวกันออกมาร้องเรียนดังกล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น