xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้านล้อมจับ 2 หนุ่มขโมยตกปลาในวัด ไม่สนป้ายเขตอภัยทาน อ้างอยากกินเนื้อย่างเกาหลีไม่มีเงินซื้อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บุรีรัมย์ - ผญบ.และชาวบ้านช่วยกันล้อมจับ 2 หนุ่มใจบาป ขโมยตกปลาสระในวัดที่ชาวบ้านนำมาปล่อยทำบุญสะเดาะเคราะห์ ไม่สนป้ายเขตอภัยทานก่อนส่ง ตร.ดำเนินคดี อ้างเป็นผู้ป่วยจิตเวชทำงานไม่ได้อยากกินเนื้อย่างเกาหลีแต่ไม่มีเงินซื้อจึงขโมยปลาไปขาย แต่ชาวบ้านแฉเคยแอบมาตกปลา 3 ครั้งแล้วไม่เว้นกระทั่งวันพระ หลวงพ่อเมตตาไม่เอาเรื่อง แต่ไม่สำนึกกลับมาขโมยอีกเป็นครั้งที่ 4

วันนี้ (20 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากสายตรวจตำบลเสม็ดว่ามีผู้ใหญ่บ้านโคกเขา และชาวบ้านเกือบ 10 คน ได้ช่วยกันล้อมจับคนร้ายที่แอบเข้าไปลักขโมยตกปลาในสระน้ำ ภายในวัดเขากระโดง จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสระน้ำอยู่บริเวณใกล้กับกำแพงทางเข้า-ออกวัด พบชาย 2 คน ทราบชื่อภายหลัง คือนายชิต อายุ 39 ปี (คนอ้วน) และนายติ๊ก อายุ 40 ปี (คนผอม) ซึ่งถูกชาวบ้านล้อมจับเอาไว้นั่งอยู่ข้างขอบสระ พร้อมรถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์ตกปลา เช่น เบ็ด และขนมปังที่ใช้เป็นเหยื่อล่อปลา ซึ่งจากการตรวจสอบรอบสระที่เกิดเหตุ พบว่ามีการติดป้ายเขตอภัย ห้ามจับปลาฝ่าฝืนมีโทษปรับ 500 บาท แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่สน


จากการสอบถามนายชิต ยอมรับว่าได้พากันแอบมาขโมยตกปลาในสระภายในวัดดังกล่าวจริง โดยอ้างว่าตัวเองเป็นผู้ป่วยจิตเวช แต่ละวันจะมีอาการจิตเวช 4 ครั้ง โดยเวลาเป็นจะเงียบเวลาอ้าปากพูดแล้วกลัวคนอื่นได้ยิน ก็เลยนั่งเงียบๆ กลัวคนอื่นหาว่าบ้า แต่ไม่เคยอาละวาด ด้วยอาการป่วยจิตเวชทำให้ไม่สามารถทำงานได้ ส่วนเพื่อนก็ป่วยโรคเรื้อน จึงได้พากันมาแอบตกปลาในวัดเพราะอยากกินเนื้อย่างเกาหลีชุดละ 200 บาท แต่ไม่มีเงินซื้อจึงแอบมาตกปลาไปขายเพื่อเอาเงินไปซื้อเนื้อย่างกิน ที่ผ่านมาเคยแอบมาตกได้ปลาไปครั้ง 7 – 8 ตัวก็เอาไปขายแล้วเอาเงินไปซื้อเนื้อย่างเกาหลีกิน


ขณะที่นายอำนวย เพชรเลิศ อายุ 41 ปี หนึ่งในชาวบ้านที่มาช่วยล้อมจับคนร้าย บอกว่า ทั้งคู่เคยแอบมาขโมยตกปลาในวัด 3 ครั้งแล้ว กระทั่งวันพระก็ไม่เว้นและไม่สนว่าปลาในสระดังกล่าวเป็นปลาที่ชาวบ้านนำมาปล่อยทำบุญสะเดาะเคราะห์ บางครั้งได้ปลาเป็นกระสอบ ถ้าพระหรือชาวบ้านเห็นก็จะเอาปล่อยไว้คืน ซึ่งที่ผ่านมาหลวงพ่อท่านเมตตาก็ไม่เอาเรื่องก็ปล่อยไป แต่ทั้งคู่กยังไม่สำนึกกลับมาลักขโมยตกปลาเป็นครั้งที่ 4 อีก จึงมอบหมายให้ตัวแทนไปแจ้งความดำเนินคดี เพื่อจะได้ไม่มาก่อเหตุแบบนี้อีก


จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวทั้งสองส่งให้พนักงานสอบสวนเพื่อดำนินคดีตามกฎหมาย โดยจากพฤติการณ์ครั้งนี้ซึ่งยังไม่ได้ปลา มีเพียงของกลางอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับตกปลา จึงเข้าข่ายพยายามลักทรัพย์ ส่วนที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่าตัวเองเป็นผู้ป่วยจิตเวชนั้น ต้องดูว่ามีเอกสารเป็นผู้ป่วยจริงหรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นแค่คำกล่าวอ้างของผู้ก่อเหตุเพื่อหลบเลี่ยงจะได้ไม่ถูกดำเนินคดี






กำลังโหลดความคิดเห็น