xs
xsm
sm
md
lg

“ชาวสารภี เชียงใหม่” โต้ ส.ท.บนบานย้ายศาลพระภูมิทำถนน ส่อพุ่งเป้าไล่ชาวบ้านพ้นที่สาธารณะ แม้อยู่มาร่วม 40 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - ชาวบ้านโต้คลิป ส.ท.พื้นที่สารภี เชียงใหม่ บนบานขอย้ายศาลพระภูมิทำถนนจนโด่งดังในโลกออนไลน์ข้ามปี..ที่แท้พุ่งเป้าไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่สาธารณะที่อาศัยมานานหลายสิบปี-มีทะเบียนบ้านพร้อม แถมพอแจ้งความฐานบุกรุกทำลายทรัพย์สินคดีไม่คืบ


กรณีมีการเผยแพร่คลิปนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่งในพื้นที่ อ.สารภี จ.เชียงใหม่ บนบานแม่พระธรณีขอย้ายศาลพระภูมิ ไปที่อื่น นัยว่าเพื่อจะทำถนนในพื้นที่ที่สาธารณประโยชน์ผ่านจุดดังกล่าว จนเป็นที่ฮือฮาในโลกโซเชียลฯ กระทั่งเรื่องบานปลาย ชาวบ้านไม่ยอมย้ายออกจากบ้านตัวเอง ทั้งยังแจ้งความเอาผิดผู้บริหารเทศบาลพร้อม จนท.ปกครอง รวม 15 คน

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนายประวัติ วรพรรณ์ อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 หมู่ที่ 1 ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังที่มีนักการเมืองท้องถิ่นไปบนบานขอย้ายศาลพระภูมิ พร้อมด้วยนายเจริญ จอมจันทร์ยอง ทนายความผู้รับมอบอำนาจ

ซึ่งได้มีการนำเอกสารมาชี้แจงว่าวันที่ 21 กันยายน 2565 เทศบาล ต.ชมภู อ.สารภี ได้นำหนังสือมาแจ้งให้ออกจากพื้นที่ โดยมีผลตั้ง 30 วัน ขณะนั้นนายประวัติยังอยู่ต่างประเทศ ต่อมาวันที่ 23 กันยายน 2564 (ยังไม่ครบ 30 วันตามหนังสือแจ้ง) ผู้บริหารเทศบาลตำบลชมภู พร้อม จนท.ปกครอง ได้โทรศัพท์ข้ามประเทศไปบอกว่าจะตัดต้นลำไยและต้นกล้วย ซึ่งได้ยืนยันว่าไม่ยอมให้ตัด แต่สุดท้ายต้นไม้ในสวนที่มีต้นลำไย 6 ต้น กล้วยกว่า 150 ต้น ก็ถูกตัดจนเสียหายทั้งหมด

นายเจริญ จอมจันทร์ยอง ทนายความฯ เปิดเผยว่า ช่วงที่มีการเข้าบุกรุกพื้นที่ของลูกความ ได้มีผู้นำคลิปวิดีโอเผยแพร่ผ่าน TikTok ปรากฏภาพนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งได้บนบานขอย้ายศาลพระภูมิออก เพราะจะใช้พื้นที่ทำถนน และเป็นข่าวโด่งดังเมื่อปลายปี 64

ซึ่งขณะนั้นนายประวัติ ลูกความ ไปทำงานอยู่ต่างประเทศ ได้ประสานขอความช่วยเหลือและนำเอกสารมายืนยัน ทราบว่าลูกความตนได้เข้ามาอาศัยอยู่พื้นที่นี้ ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะมานานประมาณ 37 ปี ซึ่งตอนนั้นยังไม่มี อบต.หรือเทศบาล โดยนายประวัติได้แจ้งผู้นำท้องถิ่นสมัยนั้นและได้รับอนุญาตจากอำเภอสารภี จนมีการออกเลขที่บ้านให้ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา และบางส่วนมีการเช่าพื้นที่วัดร้างทำการเกษตร ยังไม่หมดสัญญาเช่า

เมื่อทรัพย์สินลูกความเสียหาย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดแจ้งความไว้ที่โรงพัก สภ.สารภี เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2564 ความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ บุกรุกเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ทำให้เสียทรัพย์ แต่คดีก็ยังไม่คืบหน้า จึงได้ทำเรื่องถึงผู้ว่าฯ เชียงใหม่อีกครั้งเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 65 ที่ผ่านมานี้เอง

นายเจริญบอกเพิ่มเติมว่า ในพื้นที่ ม.1 ต.ชมภู มีชาวบ้านอาศัยอยู่ในพื้นที่สาธารณะรวม 17 หลัง แต่ผู้บริหารเทศบาลฯ กลับมาขอคืนพื้นที่บริเวณนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน และเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2564 นายประวัติได้ร้องทุกข์ไปที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ล่าสุดทราบว่าเรื่องได้ส่งมาถึงอำเภอสารภีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่มาสอบถามปัญหาจนถึงทุกวันนี้


ซึ่งบริเวณพื้นที่พิพาทนี้มีชาวบ้านอาศัยรวม 4 ครอบครัว หนึ่งในนั้นมีครอบครัวของนางวิมล สีสง่า อายุ 50 ปี สามีเสียชีวิต มีบุตรอีก 2 คน และหลาน อายุ 6 เดือน อีก 1 คน รวมทั้งได้รับเลี้ยงพี่ชายสามีที่เป็นผู้พิการด้วย ทั้งหมดเดือดร้อนจากกรณีดังกล่าว โดยเฉพาะหลังต้นกล้วยที่นายประวัติถูกตัดทิ้งไป เพราะทำอาชีพเกษตร ปลูกกล้วย-ขายใบกล้วย ส่งให้แม่ค้าทำขนมกาละแม 100 ใบขายได้เพียง 35 บาทเท่านั้น แต่เมื่อต้นกล้วยถูกนายประวัติตัดทิ้ง ต้องซื้อใบกล้วยจากที่อื่นมาทดแทนจนขาดรายได้ไปจำนวนมาก

นางวิมล สีสง่า เล่าว่า สามีตนเพิ่งตายไปได้ปีกว่า ทำให้ตนต้องรับภาระเลี้ยงดูคนในครอบครัวรวม 5 ชีวิต รวมหลานสาวที่อายุได้เพียง 6 เดือน พี่ชายสามีซึ่งเป็นผู้พิการบางครั้งช่วยรีดใบตอง ก่อนหน้านี้ตนและสามีได้กู้เงินจากสหกรณ์ฯ เอกชนในพื้นที่ประมาณ 3 แสนบาท มาต่อเติมบ้านเพื่ออยู่อาศัยและใช้เป็นที่ทำมาหากิน

หลังจากนั้นสามีตนป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย และหมอให้มารักษาอยู่ที่บ้าน ช่วงนั้นตนและสามีเห็นหนังสือแจ้งให้ออกจากพื้นที่ทำให้สามีตนเกิดความเครียด อาการทรุดลงจนเสียชีวิตในที่สุด ทำให้ทุกวันนี้ตนต้องผ่อนจ่ายเงินกู้จากสหกรณ์เดือนละ 7 พันบาท หนำซ้ำยังถูกไล่ที่ ทำให้คนในครอบครัวเดือดร้อนอย่างหนักไม่รู้ว่าจะไปอาศัยอยู่ที่ไหน


ขณะที่นายประวัติ วรพรรณ์ เจ้าของบ้านบนพื้นที่พิพาท บอกว่า ไม่เข้าใจเหมือนกัน กับการรีบเร่งตัดต้นไม้เขตบ้านตนที่อาศัยมาตั้งแต่เกิดตั้งแต่รุ่นพ่อมาจนถึงปัจจุบัน และบ้านตนมีทะเบียนถูกต้องมาตั้งแต่ พ.ศ. 2528 โดยอ้างว่าจะทำถนน แต่ไม่รู้ว่าจะเปิดเส้นทางไปไหน มีโครงการหรือยัง ผ่านสภาฯ หรือยัง ตนก็อยู่สุดซอย มีเพียงเพื่อนบ้านที่มีที่ดินจำนวนมากกว่า 30 ไร่เท่านั้น ซึ่งก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกันมาก่อนเลย

จากนั้นนายประวัติ พร้อมครอบครัว ได้นำธูปเทียน อาหารคาวหวาน ไปบนบานกับศาลพระภูมิในบ้าน ว่าตนจะขออยู่อาศัยที่แห่งนี้ต่อไป เพราะเป็นบ้านเกิด ตนเกิดที่นี่ ก็จะอยู่ที่นี่ต่อไป เพราะไม่รู้จะออกไปอยู่ที่ไหนแล้ว

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่เทศบาล ต.ชมภู เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับนายอนันต์ ฟองจันทร์ นายกเทศมนตรีตำบลชมภู ได้รับแจ้งว่าไม่อยู่-ออกไปจัดเตรียมงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นอกสำนักงาน บอกเจ้าหน้าที่ต้อนรับว่าจะนัด ส.ท.และเตรียมข้อมูลชี้แจงให้ผู้สื่อข่าวในภายหลัง




กำลังโหลดความคิดเห็น