กาฬสินธุ์ - “ผ้าไหมแพรวา” ราชินีแห่งไหม และผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมแพรวาทอมือบ้านโพน อำเภอคำม่วง ยังขายได้ต่อเนื่อง ร้านค้าหลายรายส่งไม้ต่อให้ลูกหลานสืบสานเป็นมรดกตกทอดทางภูมิปัญญาและพัฒนาหาช่องทางการขายเข้ากับยุคสมัย จำหน่ายทั้งหน้าร้านและขายแบบออนไลน์ รายได้ไม่น้อยกว่าเดือนละ 4 ล้านบาท
บรรยากาศการจำหน่ายผ้าไหมแพรวา ราชินีแห่งไหม และผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมแพรวา ที่ได้จากการทอด้วยมือชาวผู้ไทบ้านโพน ต.โพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ ยังได้รับความนิยมจากลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้ มีทั้งเดินทางมาเลือกซื้อด้วยตนเอง และติดต่อซื้อขายกันทางออนไลน์ โดยผู้ประกอบการรายใหญ่ 8 รายได้เปิดช่องทางการตลาดผ่านโซเชียลในรูปแบบต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ก กลุ่มไลน์ ผู้ประกอบการยอมรับว่ายอดขายออนไลน์สูงกว่าขายหน้าร้านหลายเท่าตัว รายได้รวมวันละ 1 แสน ถึง 1 แสน 5 หมื่นบาท หรือเดือนละ 3 ล้าน ถึง 4 .5 ล้านบาท
นางสาวอุมาพร ลามุล อายุ 31 ปี เจ้าของร้านมรดกภูไท เลขที่ 149 หมู่ 2 บ้านโพน ต.โพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ เล่าว่า เดิมครอบครัวตนเปิดร้านขายอุปกรณ์และสินค้าทางการเกษตร ควบคู่กับปลูกพุทราและผลไม้ ต่อมาเห็นตลาดผ้าไหมแพรวาได้รับความนิยม ประกอบกับตนเป็นคนรุ่นใหม่ จึงมีแนวคิดว่าผ้าไหมแพรวา ต้องไม่ใช่แค่ผ้าซิ่นหรือสไบ ต้องไปไกลกว่านี้ ตลาดต้องกว้างกว่าที่ซื้อขายกันอยู่ ทุกเพศ ทุกวัย สามารถตัดเย็บเป็นเดรสสูท หรือเสื้อผ้าสวมใส่ได้ทุกโอกาส
ต่อมาในปี 2561 จึงได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการค้าขายมาจำหน่ายผ้าไหมแพรวา รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมแพรวา เพียงระยะเวลา 4 ปี ประสบผลสำเร็จทั้งยอดขายที่ได้จากหน้าร้านและทางออนไลน์ สามารถพูดได้ว่าที่ผ่านมาแม้สภาพเศรษฐกิจจะมีปัญหา ประสบกับสถานการณ์โควิด-19 ระบาด แต่การค้าขายผ้าไหมแพรวาไม่กระทบ ยังขายได้เรื่อยๆ ภูมิใจที่ผ้าไหมแพรวาสามารถสร้างอาชีพและรายได้เข้าสู่ชุมชน ไม่ต่างจากเปลี่ยนอาชีพจากไร่นาสู่ผ้าทอ ทำให้ชาวบ้านโพนมีรายได้ยั่งยืน
ด้านนายบุญมาก บุตรผา อายุ 75 ปี เจ้าของร้านบุญมากไหมไทย เลขที่ 7 หมู่ 3 บ้านโพน ต.โพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ครอบครัวตนเป็นอีกครอบครัวหนึ่งในยุคบุกเบิกการทอผ้าไหมแพรวา กระทั่งเปิดร้านจำหน่าย จากวันนั้นถึงวันนี้กว่า 40 ปี คือตั้งแต่ปี 2520 หลังจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงรับการทอผ้าไหมแพรวาในโครงการศิลปาชีพฯ และทรงให้การส่งเสริมสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ โดยโปรดเกล้าฯ ให้พัฒนารูปแบบการทอผ้า จนได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งไหม เหมาะแก่การนำไปตัดเป็นชุดสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ
ทั้งนี้ เสน่ห์ของผ้าไหมแพรวา หรือเอกลักษณ์เฉพาะนอกจากจะทอมือ ย้อมสีธรรมชาติแล้ว แพรวามีถึง 100 ลาย ถึงแม้ปัจจุบันจะมีการออกแบบลายประยุกต์ใหม่ๆ แต่ลายที่ได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลายคือลายดั้งเดิมหรือลายโบราณ
ขณะที่นางวิมลรัตน์ บุตรผา อายุ 32 ปี ลูกสาวนายบุญมาก กล่าวว่า ผ้าไหมแพรวาเป็นที่รู้จักของชาวไทยและชาวต่างประเทศ ทำให้ชาวบ้านโพนมีรายได้จากการทอและขายผ้าแพรวา นอกจากจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ได้อย่างยั่งยืนแล้ว ยังเอื้อให้ชุมชนสืบทอดการทอผ้าไหมแพรวาสู่รุ่นลูกรุ่นหลานอีกด้วย ภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการสืบทอดและส่งต่อภูมิปัญญาจากรุ่นพ่อรุ่นแม่สู่สายตาชาวโลก ตนจะรักษาไว้และส่งต่อถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน เป็นมรดกล้ำค่าของชาวผู้ไทบ้านโพน