ศูนย์ข่าวศรีราชา - จับแล้ว "เจ๊พลอยชลบุรี" พร้อมพวกอีก 6 ราย รับจำนำรถผิดกฎหมายทั้งในชลบุรี ภาคตะวันออก และทั่วประเทศ ยึดรถได้เกือบ 100 คัน พฤติกรรมหักเงิน 10% จากผู้กู้ และแต่ละเดือนยังต้องจ่ายดอกเบี้ยอีกร้อยละ 10 ขอไถ่คืนไม่มีรถให้
จากกรณีที่มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการนำรถยนต์ไปจำนำในเพจ "รับจำนำรถชลบุรี 88888888" และ "รับจำนำรถ ชลบุรี กทม. ภาคตะวันออก ทั่วประเทศ" โดยมี "เจ๊พลอย" หรือ น.ส.แพรวศิญา ธนคุปต์ไพศาล กับพวกเป็นผู้ถูกแจ้งความ โดยมีผู้เสียหายร้องทุกข์ไว้ที่สถานีตำรวจหลายแห่งทั่วประเทศ อีกทั้งตามที่ได้ปรากฏตามข่าวและสื่อออนไลน์ต่างๆ
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรจิต ชิงนวรรณ์ รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง รอง ผบช.ภ.2 รรท. ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.เมฒาวิศ ประดิษฐ์ผล รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.ชาตรี สุขศิริ รอง ผบก. ปฏิบัติราชการ ภ.จว.ชลบุรี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีและจับกุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนั้น
สถานีตำรวจที่รับผิดชอบคดีในหลายสถานีจึงได้ทำการสืบสวนสอบสวนจนทราบว่า น.ส.แพรวศิญา ธนคุปต์ไพศาล ซึ่งเป็นผู้ดูแลเพจรับจำนำรถ และเป็นผู้สั่งการให้ลูกจ้างตรวจสภาพรถ เขียนสัญญา นำรถไปส่งมอบให้นายทุน ซึ่งปัจจุบันมีคดีอยู่ในความรับผิดชอบของ ภ.จว.ชลบุรี จำนวน 125 คดี จนนำไปสู่การออกหมายจับ น.ส.แพรวศิญา และพวกจำนวน 94 หมายจับ ประกอบด้วย
1.น.ส.แพรวศิญา ธนคุปต์ไพศาล จำนวน 39 หมาย 2.นายภานุมาศ ละลิ่ว จำนวน 28 หมาย 3.น.ส.แววมณี ละลิ่ว จำนวน 6 หมาย 4.นายธนกฤต ละลิ่ว จำนวน 1 หมาย 5.นายจาตุรนต์ ภาวสุทธิ์ จำนวน 3 หมาย 6.น.ส.ประภาพร วงษ์ปิ่นแก้ว จำนวน 10 หมาย และ 7.น.ส.วัณลีญา ละลิ่ว จำนวน 7 หมาย
ในวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสม็ด ภ.จว.ชลบุรี ได้จับกุมตัว น.ส.แพรวศิญา ธนคุปต์ไพศาล ตามหมายจับศาลจังหวัดชลบุรี ขณะที่ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องทั้ง 6 ราย ได้ถูกจับกุมไว้แล้วก่อนหน้านี้ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย.-30 พ.ย.65
ทั้งนี้ พฤติการณ์ของกลุ่มบุคคลดังกล่าวมีรายละเอียดดังนี้คือ น.ส.แพรวศิญา ธนคุปต์ไพศาล เป็นผู้ดูแลเพจรับจำนำรถ และมีกลุ่มผู้เสียหายได้พบจึงได้นำรถยนต์มาจำนำไว้ จากนั้นจะสั่งให้ลูกจ้างไปตรวจสภาพ และเขียนสัญญากู้ยืมเงิน โดยไม่ได้ระบุผู้ให้กู้ และอัตราดอกเบี้ย
เมื่อจะส่งมอบเงินให้ผู้เสียหาย น.ส.แพรวศิญา จะหักเงินไว้จำนวน 10% จากเงินที่ผู้เสียหายได้กู้เงินไว้ และได้แต่ละเดือนผู้เสียหายจะจ่ายค่าดอกเบี้ยร้อยละ 10 โดยแต่ละรายได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารต่างๆ ที่ น.ส.แพรวศิญา ได้ให้ไว้
ต่อมา เมื่อผู้เสียหายประสงค์จะไถ่ถอนรถยนต์คืนปรากฏว่า น.ส.แพรวศิญา ไม่สามารถนำรถยนต์มาส่งคืนให้ได้ ผู้เสียหายจึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ในคดีดังกล่าว ซึ่งผู้เสียหายแต่ละรายจะมีการส่งมอบรถยนต์ในท้องที่ต่างๆ กัน ซึ่งในส่วนรถยนต์ของผู้เสียหาย บก.ป. และ สภ.เสม็ด ได้มีการติดตามรถยนต์คืนผู้เสียหายได้ทั้งสิ้นรวม 21 คัน
แบ่งเป็น บก.ป.ตรวจยึด 64 คัน มีคดีที่ร้องทุกข์ สภ.เสม็ด จำนวน 12 คัน และ สภ.เสม็ด ตรวจยึด 9 คัน และหลังจากนี้จะได้ติดตามรถยนต์คืนให้แก่ผู้เสียหาย พร้อมทั้งขยายผลดำเนินคดีต่อนายทุน และผู้เกี่ยวข้องต่อไป