บุรีรัมย์ - ป้าไปดูไร่อ้อยแทบช็อก เจอศพหนุ่มหายจากบ้านถูกฆ่าฝังดินปริศนาในไร่ อ.นางรอง บุรีรัมย์ พบสภาพศพถูกยิงศีรษะ หน้าอก 2 นัด มีรอยเชือดรัดคอ ข้อมือ ข้อเท้า คาดถูกยิงตายแล้วนำศพมัดติดท่อนไม้ถ่วงน้ำอำพราง แต่ศพลอยขึ้นจึงเปลี่ยนนำไปฝังแทน เจอเหรียญวางใกล้จุดฝังศพคาดสะกดวิญญาณ ตร.เค้นสอบเพื่อนผู้เกี่ยวข้องแกะรอยล่าฆาตกร
วันนี้ (3 ธ.ค.) ร.ต.อ.เสน่ห์ ชมฉิมพลี รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.หนองไทร อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งพบศพชายไม่ทราบชื่อ ถูกฆ่าฝังดินอำพรางในป่าอ้อย ด้านทิศตะวันตกของหมู่บ้านเสลาโศง หมู่ 6 ตำบลทรัพย์พระยา อ.นางรอง จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อม พ.ต.ต.ทวิช อินทร์ประสิทธ์ หัวหน้าสถานีตำรวจภูธรหนองไทร ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร รพ.นางรอง และหน่วยกู้ภัยสยามรวมใจปู่อินทร์
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นป่าอ้อย พบศพชายทราบชื่อภายหลังคือ นายธิติศักดิ์ ทูลฉลอง หรือเท่ อายุ 26 ปี ถูกฝังดินในลักษณะคว่ำหน้าสภาพขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง ช่วงเอวด้านหลังโผล่ขึ้นมาเหนือดินเล็กน้อย โดยสภาพศพสวมกางเกงยีนส์ขายาว เสื้อสีน้ำเงินที่ขาดหลุดลุ่ย ที่หน้าอกมีรอยสักรูปคล้ายค้างคาวแต่ผิวหนังเริ่มเปื่อยน่าจะถูกฝังเป็นเวลาหลายวัน และบนดินใกล้กับศพพบเหรียญบาทวางอยู่ 2 เหรียญ ซึ่งอาจวางไว้เพื่อสะกดวิญญาณหรือตามความเชื่ออะไรบางอย่าง
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบเก็บหลักฐานที่เกิดเหตุแล้ว ได้ให้หน่วยกู้ภัยฯ นำศพที่ถูกฝังขึ้นมาเพื่อให้แพทย์ได้ตรวจสอบสภาพศพ
จากการตรวจสอบสภาพพบเบื้องต้น พบรอยถูกยิงเข้าที่กลางศีรษะ 1 นัด และบริเวณหน้าอก 1 นัด แต่ไม่ทราบว่าเป็นกระสุนปืนชนิดใด ลำคอมีรอยถูกเชือกมัดรอบ และแขนขาก็มีรอยถูกมัดด้วยเช่นกัน จากสภาพศพเบื้องต้นจึงสันนิษฐานว่าผู้ตายน่าจะถูกยิงเสียชีวิตจากที่อื่นแล้วคนก่อเหตุน่าจะนำศพมาทิ้งอำพราง ด้วยการใช้เชือกมัดที่คอ ข้อมือ ข้อเท้า ผูกติดกับท่อนไม้เพื่อเอาศพถ่วงในสระน้ำห่างจากจุดที่พบศพถูกฝังประมาณ 20 เมตร เพราะที่ขอบสระยังมีเชือกวางอยู่ในน้ำมีท่อนไม้ และขอบสระยังมีรอยคล้ายกับมีการลากศพขึ้นจากน้ำ คาดว่าน่าจะนำศพมาถ่วงน้ำอำพราง แล้วคนก่อเหตุอาจจะกลับมาดูแล้วเห็นศพลอยขึ้นเหนือน้ำกลัวจะมีคนเห็น จึงนำศพขึ้นจากน้ำแล้วลากไว้ฝังดินเอาไว้
สอบถาม นางบุญทิ้ง หล่าจันทึก อายุ 58 ปี เจ้าของไร่อ้อยและเป็นคนที่มาพบศพ เล่าว่า ตนไม่ได้เข้ามาดูไร่เกือบเดือนแล้ว วันนี้จึงลองขับรถเข้ามาดู ก็มาเจอคล้ายกับมีรอยถูกขุดฝังอะไรในไร่ของตนเอง ตอนแรกคิดว่ามีคนแอบเอาสุนัขที่ตายมาฝัง แต่พอเข้าไปดูใกล้ๆ พบช่วงเอวที่มีเข็มขัดโผล่ขึ้นมา จึงมั่นใจว่าไม่ใช่สุนัขน่าจะเป็นคนมากกว่า และคิดว่าอาจจะเป็นนายเท่ ที่หายตัวออกจากบ้านและครอบครัวประกาศตามหาหลายวัน ก็รู้สึกขนลุกซู่ จึงเดินดูรอบๆ เห็นขอนไม้ลอยอยู่ในสระห่างจากจุดที่ฝังศพ 20 เมตร จึงมั่นใจว่าน่าจะเป็นคนถูกฆ่าแล้วนำศพมาฝังอำพรางแน่นอน ก็ตกใจขนหัวลุกจนแทบจะขับรถไม่ไหว
จากนั้นรีบขับรถกลับบ้านไปเล่าให้ญาติฟังแล้วถามว่าเขาหานายเท่ที่หายตัวไปเจอหรือยัง ญาติบอกว่ายังไม่เจอ เลยคิดว่าที่เห็นถูกฝังในไร่อ้อยน่าจะเป็นนายเท่ จึงไปบอกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านให้แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ
ด้าน นางลิ้ม ทูลฉลอง อายุ 58 ปี แม่ผู้ตาย บอกว่า ตนเห็นลูกชายเมื่อวันพุธที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมาช่วงประมาณ 5 โมงเย็น เพราะลูกชายมาถามเรื่องว่าตนได้ขายสวนหรือยัง ก็คิดว่าลูกชายน่าจะมาขอเงิน พอตนบอกว่ายังไม่ได้ขาย จากนั้นลูกชายไม่ได้พูดอะไรแล้วหายไปตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เจออีก แต่พอลูกหายไปหลายวันก็ไปแจ้งตำรวจ และออกตามหา ซึ่งมีคนช่วยโพสต์โซเชียลประกาศตามหาด้วย แต่ไม่เจอและไม่รู้ว่าลูกหายไปไหน
เมื่อถามว่านิสัยลูกชายเป็นยังไงแม่ก็บอกว่า กับพ่อแม่ลูกก็เคยตบตีบ้าง แต่กับคนอื่นไม่เคยเห็น และไม่รู้ว่าเคยมีเรื่องกับใครหรือไม่ จึงไม่รู้ว่าทำไมลูกถึงถูกฆ่าและนำศพมาฝังดิน
ด้าน นายคนาวิน บังกระโทก หรือเต้อ อายุ 37 ปี เพื่อนผู้ตาย ซึ่งวันนี้ได้ถูกตำรวจเรียกไปสอบปากคำด้วย เพราะก่อนที่นายเท่จะหายตัวไปนายเต้อได้นั่งดื่มเหล้ากับผู้ตายด้วย โดยนายเต้อยอมรับว่าได้นั่งดื่มเหล้ากับผู้ตายจริง แต่วันนั้นดื่มกันเกือบ 10 คน หลังจากที่เอาข้าวเข้ายุ้งเสร็จ แต่พอถามว่าดื่มวันไหนนายเต้อบอกว่าจำวันไม่ได้ และไม่รู้ว่านายเท่มีเรื่องกับใครหรือไม่ แต่ที่ผ่านมาเวลาที่นายเท่มีเงินก็จะชอบหายไปแบบนี้หลายครั้ง พอเงินหมดจะชอบมาขอบุหรี่สูบ ยืนยันว่าตนเองไม่เกี่ยวข้องกับที่นายเท่เสียชีวิต เพราะช่วงที่นายเท่หายไปก็ยังช่วยออกตามหาอยู่
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพิสูจน์หลักฐานได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุไว้ทั้งหมดแล้ว พร้อมทั้งจะได้นำศพส่งไปผ่าชันสูตรที่สถาบันนิติเวช กรุงเทพฯ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต ทั้งนี้ ได้ทำการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องและผู้ที่เห็นนายเท่ก่อนจะหายตัวไป เพื่อเป็นเบาะแสในการติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป