เชียงใหม่ - ผบ.พล.ร.7 แถลงแผนปราบฝิ่นภาคเหนือ หลังสำรวจพบ “เชียงใหม่” ลอบปลูกมากสุดเกือบ 100 แปลง “ปาย แม่ฮ่องสอน” มีด้วย แถมพบคนเปิดพื้นที่เตรียมปลูกใหม่ทั้งเขตแม่วาง เชียงใหม่-ท่าสองยาง ตาก
วันนี้ (2 ธ.ค. 65) พล.ต.ชายแดน กฤษณสุวรรณ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 7 พร้อมด้วยรองผู้บัญชาการพลทหารราบที่ 7, กองทัพภาคที่ 3, ป.ป.ส.ภาค 5 และภาค 6, สถาบันสำรวจและติดตามการปลูกพืชเสพติด, ตชด.ภาค 3, ตำรวจภูธรภาค 5-6 และตัวจังหวัด/อำเภอที่เกี่ยวข้อง ทั้งเชียงใหม่, เชียงราย, แม่ฮ่องสอน, ตาก, น่าน, ลำปาง และกำแพงเพชร ได้ร่วมกันแถลงข่าวแผนควบคุมพื้นที่ปลูกฝิ่นและการตัดทำลายไร่ฝิ่น ประจำปี 2566 ที่ห้องประชุมระวังเมือง 1 บก.พล.ร.7 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 7 กล่าวว่า ได้บูรณาการร่วมกันในหลายภาคส่วน กำหนดเป็นแผนงานที่ประสานสอดคล้องกัน เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ซึ่งปีนี้จากการสำรวจตั้งแต่เดือนสิงหาคม-2 ธันวาคม 2565 พบแปลงลักลอบปลูกฝิ่น 121 แปลง รวมพื้นที่ 54.71 ไร่ ส่วนใหญ่อยู่ในเขต อ.เชียงดาว (มากสุดถึง 50 แปลง) อ.แม่แตง อ.แม่แจ่ม อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ รวมทั้งสิ้น 97 แปลง 42.84 ไร่ และ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน จำนวน 24 แปลง จำนวน 11.87 ไร่ โดยเข้าทำลายแล้ว 28 พื้นที่เป้าหมาย แต่ยังพบการเปิดพื้นที่เพื่อเตรียมปลูกฝิ่นอีกในพื้นที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก เพิ่มอีก
ซึ่งแรงจูงใจในการลักลอบปลูก/ค้า ยังคงเป็นเรื่องของความต้องการของผู้เสพและราคาฝิ่นดิบในพื้นที่ยังค่อนข้างสูง ทำให้การปลูกฝิ่นยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะในเขต อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน, อ.เชียงดาว, อ.แม่แตง, อ.เวียงแหง, อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ และ อ.แม่ระมาด อ.ท่าสองยาง จ.ตาก แม้จะถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าดำเนินการตัดทำลายและมีมาตรการต่างๆ อย่างเข้มข้น แต่ผู้ลักลอบปลูกฝิ่นก็มีวิธีการและแนวทางในการพัฒนาต่างๆ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจพบของเจ้าหน้าที่ จึงเชื่อได้ว่าสถานการณ์ในเรื่องราคาและความต้องการใช้ฝิ่นเพื่อเสพยังคงเป็นแรงจูงใจในการลักลอบปลูกฝิ่นอยู่
ทั้งนี้ จากข้อมูลการสำรวจและการตัดทำลายไร่ฝิ่นในห้วงที่ผ่านมา คาดว่าพื้นที่ที่มีการลักลอบปลูกในปีนี้จะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากการดำเนินมาตรการป้องกันที่เข้มงวดในช่วงก่อนฤดูกาลปลูกฝิ่น มาตรการปราบปรามกลุ่มนายทุนผู้สนับสนุนการปลูกฝิ่น และสภาพอากาศที่ยังคงมีฝนตกชุกในช่วงต้นฤดู ประกอบกับพื้นที่ลักลอบปลูกจะอยู่ห่างไกลและกันดารมากยิ่งขึ้น เช่น บริเวณพื้นที่สูงใน อ.แม่แจ่ม อ.แม่แตง อ.เชียงดาว อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ และ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน และปลูกแปลงขนาดเล็กลง แต่จะมีการกระจายตัวอยู่ในบริเวณเดียวกันหลายแปลง