ข่าวกรมปศุสัตว์จับกุมหมูเถื่อนล็อตใหญ่กว่า 439,000 กิโลกรัม (ย้ำว่าสี่แสนสามหมื่นเก้าพันกิโลกรัม) ณ ห้องเย็นเพียงหนึ่งแห่งใน จ.สมุทรสาคร นับเป็นจำนวนมหาศาลที่สร้างความฮือฮาให้สังคมเป็นอย่างมาก
หากมีการปูพรมตรวจห้องเย็นทั้ง 6,000 แห่งใน จ.สมุทรสาคร เชื่อเหลือเกินว่าต้องพบหมูเถื่อนหลายล้านกิโลกรัม สะท้อนให้เห็นว่าขบวนการนี้แทรกซึมอยู่ในประเทศไทยแทบจะทุกอณูของห่วงโซ่การค้าขายหมู และที่สำคัญมันกำลังกัดกร่อนชีวิตคนไทยทั่วประเทศจากสารปนเปื้อนที่ปะปนอยู่ในหมูเถื่อนที่ไม่ผ่านการตรวจโรคใดๆ
น่าแปลกอยู่นิดเดียวที่ข่าวไม่ระบุชื่อของห้องเย็นแห่งนั้น ทั้งๆ ที่มีการกระทำผิดเกิดขึ้นแล้ว อาจเป็นขั้นตอนทางกฎหมายที่เปิดโอกาสให้จำเลยหาหลักฐานมาชี้แจง หรือถ้ามีอะไรในกอไผ่ที่มากกว่านั้น เช่น เจ้าของห้องเย็นมีเส้นสายใหญ่โตในระดับที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องเกรงใจ...ก็นับเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม และดูจะเป็นประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสื่อมวลชนหลายสำนัก
แม้จะดูยังเกรงใจกันอยู่บ้าง แต่การจับกุมครั้งนี้ก็พอจะบ่งบอกในเชิงสัญลักษณ์ได้ว่า ภาครัฐ (โดยเจ้าหน้าที่น้ำดี) พร้อมประกาศสงครามกับ “ขบวนการหมูเถื่อน” อย่างจริงจัง สร้างความอุ่นใจให้เกษตรกรคนเลี้ยงหมูของไทยได้อย่างมาก หลายคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าดีใจที่เห็นรัฐจริงจัง เพราะสิ่งที่กลัวที่สุดคือหมูเถื่อนอาจเป็นพาหะนำโรค ASF เข้ามาซ้ำเติมคนเลี้ยงหมูอีกครั้ง นั่นหมายถึง พวกเขาต้องเลิกอาชีพนี้แบบถาวร
เจนจิรา มากเมือง เกษตรกรคนเลี้ยงหมูใน จ.นครราชสีมา เล่าว่า ในช่วงที่มี ASF เห็นเพื่อนร่วมอาชีพหลายคนต้องเลิกเลี้ยงหมูเพราะไม่มีเงินลงทุนแล้ว ต่อมามีเรื่องหมูเถื่อนเข้ามาอีกก็ยิ่งทำให้ตัดสินใจชะลอการเลี้ยงออกไป เพราะหมูเถื่อนเข้ามาเบียดยอดขายหมูในฟาร์ม ซึ่งพอทราบว่ากรมปศุสัตว์จับกุมหมูเถื่อนล็อตใหญ่ และจะกวาดล้างให้หมดสิ้นไป ก็รู้สึกดีใจมาก เพราะมันเท่ากับตัดวงจร ASF ที่ติดมากับหมูเถื่อนออกไปจากสารบบของประเทศไทย เป็นการลดความเสี่ยงให้เกษตรกรในประเทศ ตอนนี้ในพื้นที่ก็เห็นเพื่อนเกษตรกรกลับเข้ามาเลี้ยงใหม่กันราว 50% แล้ว
เช่นเดียวกับ มาลินี ทองกอง เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูใน จ.ร้อยเอ็ด ที่กล่าวว่าดีใจมากที่กรมปศุสัตว์เอาจริงกับหมูเถื่อน แม้ตนจะเป็นเกษตรกรในโครงการของบริษัทซึ่งไม่ได้รับผลกระทบด้านการเบียดเบียนตลาดจากการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน แต่ก็กลัวหมูเถื่อนจะนำโรคเข้ามาติดหมูไทย และขณะเดียวกันตนก็เป็น “ผู้บริโภค” ด้วย ย่อมต้องการบริโภคหมูที่ปลอดภัยในแบบที่คนไทยเราเลี้ยง จึงไม่อยากให้ใครเอาหมูเถื่อนจากต่างชาติเข้ามา เพราะไม่รู้ว่าหมูพวกนั้นถูกเลี้ยงอย่างไร อาจใช้ยาอะไรที่มันตกค้างมาถึงคนกินได้ ดังนั้น เมื่อกรมปศุสัตว์ประกาศเอาจริงกับขบวนการหมูเถื่อนจึงเป็นเรื่องที่ดีมาก
สิ่งที่กรมปศุสัตว์ดำเนินการในขณะนี้คือ การสั่งตรึงกำลังทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็น 1.) ทางท่าเรือต่างๆ 2.) ทางอากาศที่สนามบิน ดังที่เห็นสุนัขบีเกิลตรวจเจอหมูยอผิดกฎหมาย 3.) ด่านตามแนวชายแดนที่มักจะมีการขนหมูเถื่อนเป็นกองทัพมดเข้ามา รวมถึง 4.) ทำการตรวจสอบห้องเย็นทั่วประเทศ ดังข่าวที่พบล็อตใหญ่ข้างต้น นอกจากนี้จะมีการประชาสัมพันธ์เตือนผู้บริโภคตามจุดขายเนื้อหมูต่างๆ ให้หลีกเลี่ยงหมูเถื่อนที่ไม่ผ่านการตรวจโรคและสารปนเปื้อนด้วย
“กรมฯ จะดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อขบวนการนี้ ตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ โดยมีบทลงโทษแรกคือเนื้อสุกรที่จับได้จะถูกทำลายทิ้งทั้งหมด และคดีนี้เป็นคดีอาญามีโทษทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งขึ้นอยู่กับการตัดสินของศาล ส่วนกรณีห้องเย็น หากเคยขึ้นทะเบียนขอนำเข้าเนื้อสัตว์ไว้กับกรมฯ และถูกตรวจพบการทำผิดกฎหมายเช่นนี้ กรมฯ จะทำการเพิกถอนใบอนุญาตด้วย” เป็นคำกล่าวของ น.สพ.สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ที่เตือนถึงขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน ซึ่งหากินบนความทุกข์ของเกษตรกรและสร้างอันตรายต่อผู้บริโภคมานานนับปี
บทบาทของกรมปศุสัตว์ นอกเหนือจากการปราบหมูเถื่อนแล้ว ในอีกด้านหนึ่งก็ต้องยกระดับการเลี้ยงหมู และช่วยให้เกษตรกรรายย่อยสามารถกลับเข้าสู่การเลี้ยงได้อีกครั้ง เช่น การยกระดับให้การเลี้ยงหมูขนาด 500 ตัวขึ้นไปต้องเข้าระบบฟาร์มมาตรฐาน ซึ่งจะทำให้การเลี้ยงหมูของไทยทั่วประเทศดีขึ้นอย่างมาก รวมถึง การสร้างโมเดลเลี้ยงหมูแบบ New Normal สำหรับฟาร์มรายย่อยที่จะมีระบบการป้องกันโรคแบบง่ายๆ ไม่ต้องใช้งบประมาณในการลงทุนสูงเกินไป ขณะที่รายกลาง-รายใหญ่มีการลงทุนระบบไบโอซีเคียวริตีเพื่อป้องกันฟาร์มในระดับที่ดีแล้ว
เมื่อความชัดเจน จริงจัง และเข้มงวดกับ “ขบวนการหมูเถื่อน” มีมากขึ้นกว่าในอดีต ผนวกการยกระดับการป้องกันโรคในฟาร์มรายย่อย ย่อมทำให้เกษตรกรกล้าที่จะลงหมูเข้าเลี้ยงกันมากขึ้น ยิ่งถ้าได้รับแรงสนับสนุนจากสถาบันการเงินที่พร้อมให้สินเชื่อ ก็จะทำให้การเพิ่มผลผลิตหมูปลอดภัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดีต่อสุขภาพคนไทยและดีต่อสังคมโดยรวมแน่นอน
โดย สามารถ สิริรัมย์