xs
xsm
sm
md
lg

มันเยอะมากเลยวิ! ตำรวจภาค 3 โชว์กวาดล้างอาวุธปืน ยาเสพติดอีสานใต้ รวบผู้ต้องหา-ของกลางอื้อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ตำรวจภาค 3 แถลงโชว์กวาดล้างอาชญากรรมอาวุธปืน อาวุธสงคราม ระเบิด ยาเสพติด และบุคคลตามหมายจับ พื้นที่ 8 จังหวัดอีสานใต้ จับกุมผู้ต้องหาและของกลางได้จำนวนมาก แยกเป็นความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน ได้ผู้ต้องหาร่วม 2,000 ราย ปืนกว่า 500 กระบอก กระสุนกว่า 3,000 นัด ความผิดยาเสพติด รวบกว่า 3,000 ราย ยาบ้า 4.3 แสนเม็ด

วันนี้ (9 พ.ย.) ที่หน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) และคณะ ร่วมกันแถลงข่าวผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน ยาเสพติด และบุคคลตามหมายจับ ระหว่างวันที่ 10 ต.ค.-8 พ.ย. 65


พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3 กล่าวว่า สืบเนื่องจากปัจจุบันมีการก่ออาชญากรรมสะเทือนขวัญที่มีการใช้อาวุธปืนในการกระทำผิด คือความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยรวม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงบัญชาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดปราบปรามความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุนปืน ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และบุคคลตามหมายจับ ให้บังเกิดผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และประเทศชาติมีความสงบเรียบร้อย สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้สั่งการให้ทุกหน่วย เร่งรัด ปราบปราม ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุนปืน ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และบุคคลตามหมายจับ ให้บังเกิดผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ


ดังนั้น เพื่อให้การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อประชาชน มีความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และประเทศชาติมีความสงบเรียบร้อย ตำรวจภูธรภาค 3 จึงได้สั่งการให้หน่วยในสังกัด ประกอบด้วย ตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์, ยโสธร, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, อำนาจเจริญ, อุบลราชธานี และ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 (บก.สส.ภ.3) ทำการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ระหว่างวันที่ 19 ต.ค.-8 พ.ย. 65


โดยเน้นเป้าหมายสำคัญ ได้แก่ อาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน การจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืนโดยผิดกฎหมาย (On Ground) และจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืนผ่านระบบออนไลน์และโซเชียลมีเดียโดยผิดกฎหมาย (Online) ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และบุคคลตามหมายจับ อย่างจริงจัง และให้มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม สามารถจับกุมผู้ต้องหาและตรวจยึดของกลางในคดีต่างๆ ได้ดังนี้

1. ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิด จับกุมรวม 1,556 ราย ผู้ต้องหา 1,961 คน ของกลาง อาวุธปืนไม่มีทะเบียน 588 กระบอก อาวุธปืนมีทะเบียน 3 กระบอก วัตถุระเบิด 11 ลูก และเครื่องกระสุนปืน 3,567 นัด
2. ความผิดเกี่ยวกับจําหน่ายอาวุธปืน (On Ground) จับกุมได้ 2 ราย ของกลาง อาวุธปืนไม่มีทะเบียน 6 กระบอก

3. ความผิดเกี่ยวกับจำหน่ายอาวุธปืน (On Line) จับกุมได้ผู้ต้องหา 6 ราย ของกลาง อาวุธปืนไม่มีทะเบียน 5 กระบอก

4. ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จับกุมรวม 3,250 ราย ของกลาง ยาบ้า 438,064 เม็ด ยาไอซ์ 34 กรัม และยาเค 299 กิโลกรัม ผู้ต้องหา 3,253 คน

และ 5. จับกุมบุคคลตามหมายจับ จับกุมได้ 551 หมาย ผู้ต้องหา 570 คน


พล.ต.ท.สมประสงค์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ บก.สส.ภ.3 ได้ดำเนินการกวาดล้างการค้าอาวุธปืนออนไลน์เถื่อน ตามยุทธการกำแหงสงคราม/2 “ปฏิบัติการกวาดล้างการค้าอาวุธปืนออนไลน์เถื่อน” โดยร่วมกันออกหาการสืบสวนและปราบปรามเครือข่ายค้าปืนออนไลน์ จากการสืบสวนและขยายผลพบว่ามีกลุ่มเครือข่ายที่มีการซื้อขายอาวุธปืนออนไลน์รวมถึงอุปกรณ์ส่วนควบในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 เป็นจำนวนหลายจุด บก.สส.ภ.3 กองกำกับการสืบสวนจังหวัดฯ และฝ่ายสืบสวนในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 จึงได้ร่วมกันวางแผนเพื่อตรวจค้นเป้าหมาย ซึ่งครอบคลุมทั้ง 8 จังหวัดภายในเขตพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 3 มีจุดตรวจค้นทั้งหมดจํานวน 48 จุด


ผลการตรวจค้นปรากฏว่าพบอาวุธปืน จำนวน 39 กระบอก และอุปกรณ์ส่วนควบ เช่น เครื่องกระสุนปืน ท่อลดเสียง ลำกล้องปืน แมกกาซีน จำนวน 2,723 รายการ จึงได้แจ้งความดำเนินคดีในข้อหา “มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มีหรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน ครอบครองยุทธภัณฑ์ (เครื่องบังคับเสียงปืน หรือ Silencer) โดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมตรวจยึดของกลางนำส่งพนักงาน สอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

“ตำรวจภูธรภาค 3 จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งในการแจ้งเบาะแสข้อมูลการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ โดยแจ้งข้อมูลผ่านสายด่วน 1559 และสายด่วน 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิด ลดปัญหาอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยจากปัญหาอาชญากรรมต่อไป” พล.ต.ท.สมประสงค์กล่าว










กำลังโหลดความคิดเห็น