ลพบุรี - เริ่มแล้วขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษ การรถไฟฯ ร่วมกับ ททท.จังหวัดลพบุรี และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จัดขึ้น เพื่อเชิญชวนประชาชนร่วมเดินทางสัมผัสลมหนาวเส้นทางอันซีนหนึ่งเดียวของเมืองไทย นั่งรถไฟลอยน้ำสุดโรแมนติก กลางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ผ่อนคลาย ภายใต้กิจกรรม "ตามรอยพระบาท เที่ยวเขื่อนของพ่อ"
น.ส.พิมพกานต์ พิพิธธนานันท์ ผอ.ททท.สำนักงานลพบุรี เผยว่า ขบวนรถพิเศษนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีสถานีต้นทางจากหัวลำโพง กรุงเทพฯ และสถานีปลายทาง ณ แหล่งท่องเที่ยวรถไฟลอยน้ำ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี เพื่อเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางสัมผัสกับเส้นทางท่องเที่ยว “รถไฟลอยน้ำ หนึ่งเดียวของเมืองไทย” ในทุกๆ วันเสาร์ และอาทิตย์ ตลอดเดือนพฤศจิกายน 2565-มกราคม 2566 โดยเริ่มรอบปฐมฤกษ์ของปีทั้ง 2 วันที่ผ่านมา ต้องลากยาวถึงวันละ 17 โบกี้ แต่จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวในแต่ละวัน จากเดิม วันละประมาณ 1,200 คน เหลือเพียงวันละ 700-800 คนต่อวัน
เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ ขบวนรถพิเศษนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จะเปิดให้บริการแบบเช้าไปเย็นกลับ ซึ่งในปีนี้ได้กำหนดจัดในทุกวันเสาร์ และอาทิตย์ ตลอดเดือนพฤศจิกายน 2565-มกราคม 2566 รวม 24 วัน เพื่อช่วยสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศให้กลับมาฟื้นตัวได้ตามนโยบายของรัฐบาล ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ กระจายรายได้ สร้างความเข้มแข็งสู่เศรษฐกิจฐานราก และชุมชนให้กลับมามีความเข้มแข็งยั่งยืน
ซึ่งขบวนรถไฟจะหยุด ณ จุดชมวิวเป็นเวลา 20 นาที ให้นักท่องเที่ยวลงถ่ายภาพ ซึ่งเป็น ไฮไลต์สำคัญของทิปนี้ เนื่องจากเป็นทริปพิเศษ เข้าสู่บรรยากาศการท่องเที่ยวแบบวิถีชีวิตชาวเขื่อน และสนุกสนานกับขบวน “รถไฟลอยน้ำ” ที่ทอดยาวข้ามไปบนอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ นับเป็นประสบการณ์สุดพิเศษของการรถไฟไทย
ทั้งนี้ ทางการรถไฟฯ ยังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้แวะลงเลือกซื้อสินค้า ชิม ชอปสินค้าพื้นเมือง OTOP ซึ่งมีทั้งของกิน ของฝาก ผลิตภัณฑ์ชุมชน ของพื้นบ้าน บริเวณชานชาลา ที่สถานีบ้านโคกสลุง เป็นการสร้างรายได้ให้แก่ชาวชุมชนในช่วงนี้เป็นเวลา 30 นาที จากนั้นขบวนรถไฟจะเดินทางกลับมายังสถานีเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ทำกิจกรรมต่างๆ บริเวณพื้นที่โดยรอบของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ โดยขบวนรถไฟเที่ยวกลับจะออกจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในเวลา 15.30 น.
สำหรับประวัติขบวนรถไฟลอยน้ำ เดิมเป็นทางรถไฟสายกรุงเทพฯ บัวใหญ่ หนองคาย อยู่ในลุ่มน้ำป่าสัก อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี และต่อมาพื้นที่ดังกล่าวถูกพัฒนาเป็นเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ตามโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อใช้กักเก็บน้ำ แก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมกับมีการสร้างทางรถไฟยกระดับขึ้นเหนือน้ำเพื่อใช้สัญจรไปยังจังหวัดต่างๆ ได้ ซึ่งเมื่อขบวนรถไฟวิ่งลัดเลาะไปตามขอบของอ่างเก็บน้ำ และมองออกไปนอกหน้าต่างจะดูคล้ายกับรถไฟแล่นไปบนผิวน้ำ ขบวนรถไฟนี้จึงได้ชื่อว่า “รถไฟลอยน้ำ”
น ส.พิมพกานต์ กล่าวอีกว่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากับขบวนรถไฟขบวนพิเศษนี้ นอกจากจะได้มีโอกาสเดินทางมาเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวในบริเวณเขื่อนป่าสัก ซึ่งเป็นเขื่อนดินที่ยาวที่สุดในประเทศไทยแล้ว ยังสามารถเดินทางเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ของชุมชนไทยเบิ่งบ้านโคกสลุง แหล่งท่องเที่ยวทางด้านธรรมชาติ บ้านกล้วยไข่ น้ำตกวังก้านเหลือง ถ้ามาในช่วงของเดือนธันวาคม ยังได้ชื่นชมความสวยงามของดอกทานตะวันบาน ซึ่งตรงนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกหนึ่งไฮไลต์ของจังหวัดลพบุรีด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ตารางการเดินรถเที่ยวไป (ขบวนที่ 921) ขบวนรถไฟออกจากสถานีกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) เวลา 06.00 น. จากนั้นหยุดรับส่ง ผู้โดยสารตามสถานีต่างๆ คือ สถานีสามเสน ชุมทางบางซื่อ บางเขน หลักสี่ ดอนเมือง รังสิต อยุธยา สระบุรี ชุมทางแก่งคอย ถึงจุดชมวิว “รถไฟลอยน้ำ” กลางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ขบวนรถจะหยุดกลางสันเขื่อนมีเวลาให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชม ดื่มด่ำกับความงดงาม 20 นาที และเดินทางไปที่สถานีโคกสลุง มีเวลาให้นักท่องเที่ยวชิม ชอปสินค้าพื้นเมือง OTOP ประมาณ 30 นาที
จากนั้นขบวนรถจะพานักท่องเที่ยวมาถึงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เวลา 10.35 น. นักท่องเที่ยวสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามอัธยาศัย ไม่ว่าจะรับประทานอาหารกลางวันจากร้านค้าของกลุ่มชุมชนท้องถิ่น หรือท่องเที่ยวรอบนอกตัวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ โดยใช้บริการรถตู้ อัตราค่าบริการท่านละ 70 บาทตลอดเส้นทาง ที่จะนำชมสถานที่ท่องเที่ยวทุ่งทานตะวัน ณ บ้านกล้วย&ไข่ ชมสวนเฟิร์นยักษ์ และถ่ายรูปกับบรรยากาศสไตล์ชิคๆ ที่จุดชุมวิว ณ ไร่ทรัพย์ประยูร และขึ้นขบวนรถไฟเที่ยวกลับออกจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เวลา 15.30 น. และหยุดรับส่งผู้โดยสารตามสถานีต่างๆ คือ สถานีชุมทางแก่งคอย สระบุรี อยุธยา รังสิต ดอนเมือง หลักสี่ บางเขน ชุมทางบางซื่อ สามเสน ถึงสถานีกรุงเทพฯ เวลา 18.50 น.
“ผู้สนใจสามารถติดต่อซื้อตั๋วโดยสารล่วงหน้าได้ก่อนเดินทางที่สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ หรือระบบ D-Ticket รวมถึงสามารถจองเดินทางเป็นหมู่คณะแบบเช่าเหมาคัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย”