สวนไม้ประดับอยุธยายังอ่วม น้ำท่วมสูงขึ้นทุกวัน ลงทุนทำคันดินกั้นหมดไปนับล้าน

พระนครศรีอยุธยา - น้ำท่วมอำเภอบางซ้ายยังหนัก เกษตรกรไม้มงคล ไม้ประดับเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ได้รับกระทบอย่างหนักจากน้ำท่วม เผยปีนี้ลงทุนนับล้านสร้างคันดินสู้น้ำ พร้อมเฝ้าระวัง 24 ชั่วโมง

สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ลดการระบายน้ำลงสู้พื้นที่ท้ายเขื่อนอย่างต่อเนื่อง เหลือการระบายที่ 1,972 ลบ.ม./วินาที แต่ยังคงส่งผลทำให้หลายพื้นที่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำเริ่มลดลง บางพื้นที่ระดับน้ำเริ่มทรงตัว ยังคงมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมรวม 13 อำเภอ 158 ตำบล 1,031 หมู่บ้าน 80,770 ครัวเรือน ได้แก่ อำเภอเสนา อำเภอผักไห่ อำเภอบางบาล อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน อำเภอนครหลวง อำเภอบางปะหัน อำเภอมหาราช อำเภอบางซ้าย อำเภอลาดบัวหลวง อำเภออุทัย และอำเภอบ้านแพรก

วันนี้ (30 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ตำบลวังพัฒนา อำเภอบางซ้าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนน้ำท่วมมานานกว่า 2 เดือน บ้านเรือน เกษตรกรไร่นาได้รับความเสียหาย หลังจากต้องรับสภาพเป็นพื้นที่รับน้ำ แต่ยังมีอีก 1 อาชีพ ที่หลายคนมองข้ามได้รับความเดือดร้อนหนักไม่แพ้กัน แม้จะเป็นกลุ่มเกษตรกรที่เพิ่งจะมาได้รับความสนใจมากในขณะนี้ ได้แก่ เกษตรกรปลูกไม้ประดับไม้ใบ ที่ในพื้นที่รับน้ำไม่ได้มีแต่เกษตรกรนาข้าวเท่านั้น ทำให้ต้องได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน

นายกฤษดา กิจสอาด อายุ 29 ปี น้องชาย เจ้าของสวนไม้มงคลไม้ประดับในพื้นที่ 12 ไร่ ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลวังพัฒนา อำเภอบางซ้าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมาถูกน้ำท่วมสูงต้องขนย้ายออกไปหาเช่าที่ด้านนอกที่ไม่ถูกน้ำท่วม เพื่อนำพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ต้นไม้ที่กำลังจะโตนับแสนต้น เสียค่าใช้จ่ายไปกว่า 5 แสนบาท

ปีนี้มีการเสริมคันดินรอบพื้นที่ 12 ไร่ที่เคยถูกน้ำท่วมเมื่อปีที่ผ่านมา จากของเดิมขึ้นอีก 1-2 เมตร ทำให้ตอนนี้สูงประมาณ 3 เมตร ระยะทางรวม 250 เมตร ใช้เงินไปประมาณ 8 แสนบาท พร้อมกับติดเครื่องสูบน้ำช่วงเย็นถึงเช้าเพื่อสูบน้ำที่ซึมเข้ามา เพราะขณะนี้รอบสวนน้ำท่วมสูงเกือบเท่าปีที่ผ่านมา หากถูกน้ำท่วมอีกต้องสูญเสียไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท

ล่าสุด น้ำยังท่วมสูง ทำให้ครอบครัววิตกกังวล ต้องผลัดกันเฝ้าน้ำ 24 ชั่วโมง กลัวน้ำจะขึ้นมาอีก ถ้าคันดินพังจะเกิดความเสียหายอย่างมาก โดยนำบทเรียนจากปีที่ผ่านมามาปรับใช้ในปีนี้

อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหันมามองในพื้นที่อำเภอบางซ้าย ไม่ได้มีอาชีพทำนาอย่างเดียว แต่มีอาชีพอื่นอีก ถ้าเกิดน้ำท่วมขึ้นมาเขาต้องเสียหาย