เชียงใหม่ - เซียนพระชื่อดังเชียงใหม่และภาคเหนือ เตือนภัยโดนมิจฉาชีพแฮกเฟซบุ๊กสวมรอยอาศัยความน่าเชื่อถือและเสียงที่สั่งสมมานาน โพสต์ประกาศขายพระเครื่อง,นาฬิกาหรู และทรัพย์สินมีค่าต่างๆ หลอกเหยื่อโอนเงินเข้าบัญชีม้า แล้วหายเข้ากลีบเมฆ แจ้งความตำรวจไซเบอร์สืบสวนติดตามลากตัวแล้วกว่า 4 เดือน แต่ยังไม่สำเร็จ แถมยังลอยนวลลวงเหยื่อได้ไม่หยุด เสียหายจำนวนมากรายละตั้งแต่หลักพันถึงแสน รวมกันแล้วกว่า 4 ล้านบาท
วันนี้(29 พ.ค.65) รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า เซียนพระชื่อดังรายหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ถูกมิจฉาชีพแฮกเฟซบุ๊กส่วนตัวแล้วนำไปใช้หลอกลวงด้วยการสวมรอยเป็นเซียนพระรายนี้ที่มีชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือสูง ทำการประกาศขายพระและของมีค่าหลายรายการ โดยให้เหยื่อที่หลงเชื่อจ่ายเงินด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีม้า ซึ่งเมื่อได้รับโอนเงินแล้วทางมิจฉาชีพจะปิดกั้นการติดต่อและไม่ได้ส่งของให้ จนเหยื่อเข้าใจผิดคิดว่าถูกเซียนพระรายนี้หลอกลวง ซึ่งทางเซียนพระรายนี้ได้เข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้แล้วตั้งแต่ช่วงเดือน มิ.ย.65 ที่ผ่านมา เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและให้สืบสวนติดตามหาตัวมิจฉาชีพมาดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามจนถึงทุกวันนี้ยังไม่สามารถติดตามตัวมิจฉาชีพที่ก่อเหตุได้ และยังพบว่ามีการใช้เฟซบุ๊กที่แฮกไปหลอกลวงเหยื่ออยู่อย่างสต่อเนื่อง มูลค่าความเสียหายเป็นเงินรวมแล้วประมาณ 4 ล้านบาท
จากการตรวจสอบทราบว่าเซียนพระดังกล่าว คือ นายกำพล คำเสาร์ หรือ “เอก เมืองแพร่” อายุ 38 ปี หนึ่งในเซียนพระชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือ รวมทั้งกรรมการตัดสินการประกวดพระของสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ซึ่งเปิดเผยว่า ขณะนี้ตัวเองและครอบครัวกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จากการที่ถูกมิจฉาชีพแฮกบัญชีเฟซบุ๊คส่วนตัวชื่อ “เอก เมืองแพร่” ที่ใช้มาเป็นสิบปีไป พร้อมทั้งไอดีไลน์ “กำพล คำเสาร์” ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.65 ซึ่งทันทีที่ตัวเองรู้ตัวได้รีบเข้าแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.65 เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เนื่องจากเฟซบุ๊กดังกล่าวนั้น มีรายชื่อผู้ติดต่ออยู่เป็นจำนวนมาก และปกติใช้ในการติดต่อเช่าบูชาพระเครื่อง จึงเกรงว่าจะถูกมิจฉาชีพนำไปใช้หลอกลวงทำให้คนหลงเชื่อและตกเป็นผู้เสียหาย ซึ่งปรากฏว่าหลังจากที่มิจฉาชีพสามารถแฮกเฟซบุ๊กไปได้แล้ว ได้มีการนำไปใช้หลอกลวงจริงๆ
โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือน มิ.ย.65 เป็นต้นมา ด้วยการสวมรอยอ้างว่าเป็นตัวเอง โพสต์ประกาศขายพระเครื่อง,นาฬิกาหรู และทรัพย์สินมีค่าต่างๆ รวมทั้งมีการใช้โปรแกรมนำภาพตัวเองไปตัดต่อทำบัตรประชาชนด้วย ซึ่งด้วยความที่ตัวเองคลุกคลีสั่งสมชื่อเสียงและความน่าเชื่อในวงการพระมานานเป็นสิบๆ ปี ทำให้มีผู้เสียหายเกิดความเชื่อมั่นไว้วางและหลงเชื่อจนตกเป็นเหยื่อโอนเงินให้กับมิจฉาชีพและไม่ได้รับของเป็นจำนวนมาก รายละตั้งแต่หลักพันบาทไปจนถึงหลักแสนบาท ซึ่งมีรายหนึ่งที่ได้รับความเสียหายสูงถึงกว่า 200,000 บาท มูลค่าความเสียหายตลอดช่วงประมาณ 4 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ มิ.ย.-ต.ค.65 รวมกันเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 4 ล้านบาท และน่าจะยังมีเพิ่มเติมอีก เนื่องจากมิจฉาชีพยังมีการใช้เฟซบุ๊กที่แฮกไปได้ก่อเหตุอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะตั้งแต่ที่ทราบว่ามีผู้เสียหายรายแรกช่วงเดือน มิ.ย.65 ตัวเองได้นำเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่เชียงใหม่ แล้ว เพื่อให้ติดตามหาตัวและดำเนินคดีกับมิจฉาชีพรายนี้ รวมทั้งเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ
ขณะเดียวกัน “เอก เมืองแพร่” กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบอย่างต่อตัวเองและครอบครัว เนื่องจากมีเหยื่อหลายรายที่เข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเป็นมิจฉาชีพที่ก่อเหตุหลอกลวง แล้วมาติดตามทวงถามขอเงินคืนจากตัวเอง รวมทั้งบางรายถึงขั้นข่มขู่จะดำเนินการฟ้องร้องด้วย แม้ว่าจะพยายามอธิบายชี้แจงแล้วก็ตาม ทำให้ตัวเองและครอบครัว เกิดความกลัดกลุ้มใจอย่างมาก รวมทั้งรู้สึกเสื่อมเสียชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือที่สั่งสมมานาน โดยตัวเองขอยืนยันว่าตัวเองไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ กับมิจฉาชีพที่ก่อเหตุ เพราะบัญชีธนาคารที่ผู้เสียหายโอนเงินไปให้ไม่ใช่บัญชีของตัวเองและสามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินของตัวเองได้ด้วยว่าไม่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน
เบื้องต้นตรวจสอบแล้วว่าน่าจะเป็นบัญชีม้าที่มีการนำมาใช้นับ20บัญชีและเชื่อว่าน่าจะร่วมกันก่อเหตุเป็นเครือข่ายขบวนการ ซึ่งข้อมูลนี้ได้มีการส่งมอบให้ไว้เป็นหลักฐานกับทางตำรวจแล้ว
ขณะเดียวกันเซียนพระชื่อดังรายนี้ บอกว่า ปัจจุบันตัวเองต้องสร้างบัญชีเฟซบุ๊กใหม่ชื่อ “เอก กำพล” ขึ้นมาใช้ทดแทนบัญชีเฟซบุ๊กเดิมที่ถูกมิจฉาชีพแฮกไป พร้อมขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่าตัวเองใช้เฟซบุ๊กชื่อ “เอก กำพล” เพียงบัญชีเดียวเท่านั้นในการใช้ติดต่อเช่าบูชาพระ และใช้บัญชีธนาคารเป็นชื่อและนามสกุลของตัวเองเท่านั้น โดยหากเกิดความสงสัยหรือไม่แน่ใจสามารถโทรศัพท์ติดต่อสอบถามได้โดยตรงตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ระบุไว้ในเฟซบุ๊ก “เอก กำพล”
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองครั้งนี้อยากให้เป็นกรณีอุทาหรณ์เตือนภัยทั้งกับคนในวงการพระและคนทั่วไปให้ระมัดวังการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ เพราะเชื่อว่าอาจจะมีเซียนพระรายอื่นๆ ที่กำลังตกเป็นเป้าหมายแฮกเฟซบุ๊กนำไปใช้ก่อเหตุหลอกลวงเหยื่อ พร้อมทั้งอยากเรียกร้องวิงวอนถึงทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ ที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรงให้เร่งรัดสืบสวนติดตามตัวเครือข่ายมิจฉาชีพมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับวงการพระและประชาชนไม่ให้มากไปกว่านี้.