กำแพงเพชร - เจ้าของสวนป่ารวมตัวหน้าแปลงปลูก-โชว์เอกสารร่วมปลูกป่าเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐ ผ่านมา 27 ปี-ต้นสักโตเท่า 2 คนโอบ ยื่นเรื่องมาเป็น 10 ปีแต่ตัดขายไม่ได้ ครวญถึงทางตันต้องตัดใจโค่น-ยอมติดคุก ให้ลูกหลานกลับเข้าทำกินได้
วันนี้ (27 ต.ค. 65) นายหนูเวียง นวลพุ่ม ผู้ใหญ่บ้านเพชรนิยม หมู่ 2 ต.สักงาม อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร พร้อม นายเรืองเดช ร่วมชัยภูมิ และชาวบ้านกว่า 30 หลังคาเรือน ได้รวมตัวกันที่หอประชุมประจำหมู่บ้านฯ แสดงหลักฐานการเข้าร่วมโครงการปลูกป่าสักเศรษฐกิจตั้งแต่ปี 2538
ซึ่งทั้งหมดได้ตัดสินใจไถมันสำปะหลัง-ข้าวโพด ฯลฯ ทิ้งก่อนลงทุนทำสวนสักปลูก จวบจนปัจจุบันต้นสักอายุกว่า 27 ปีแล้ว ต้นสักที่ปลูกในที่โฉนด น.ส.3 เอกสาร ส.ป.ก. ส.ท.ก.ตัดขายได้เกือบหมดแล้ว คงเหลือต้นสักแปลงปลูกในพื้นที่ ภ.บ.ท.5 ที่ยังไม่สามารถตัดได้เป็นจำนวนหลายหมื่นไร่ ทั้งที่ก็ได้รับการรับรองขึ้นทะเบียนที่ดินเพื่อปลูกป่าของโครงการและได้รับเงินสนับสนุนรายละ 3,000 บาท อย่างถูกต้องเหมือนกัน
นายสัมฤทธิ์ ร่วมชัยภูมิ หนึ่งในตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า วันนี้ชาวบ้านที่เข้าร่วมโครงการปลูกป่าเศรษฐกิจทุกคนต่างรอความหวังที่จะนำเงินจากการตัดไม้สักแปลงปลูกขายมาจุนเจือในครอบครัว หลังนำหนังสือยื่นร้องขอความเป็นธรรมถึงศูนย์ดำรงธรรม ถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปจนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมไปถึง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นเวลาร่วมนับ 10 ปีแล้ว บางรายก็ล้มหายตายจาก ไปแล้ว แต่ทุกอย่างยังเงียบ
เมื่อไปติดตามได้รับแจ้งว่าข้าราชการย้ายบ้างเกษียณบ้างจนไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว สุดท้ายหากหาทางออกไม่ได้จริงๆ ทุกคนก็จะยอมตัดต้นสักที่ปลูกทั้งหมด แม้ว่าจะติดคุกก็ตาม แต่เพื่อให้ลูกหลานได้พื้นที่ทำกิน ก็ยังดีกว่าปลูกแล้วตัดไม่ได้เข้าไปทำประโยชน์อะไรก็ไม่ได้ จึงอยากจะฝากถึงนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงนายกรัฐมนตรี ได้ช่วยหาทางออกและแก้ปัญหาให้ด้วยก่อนที่ทุกคนจะถึงทางตัน
โอกาสนี้ ชาวบ้านได้นำผู้สื่อข่าวไปดูสวนป่าสักที่แต่ละคนปลูกไว้ในหมู่บ้าน แต่เป็นแปลงปลูกบนที่ดิน ภ.บ.ท. ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ตัดโค่น ซึ่งพบบางต้นมีขนาดสองคนโอบแล้วก็มี
