xs
xsm
sm
md
lg

ถึงติดคุกก็ยอม! ชาวบ้านจ่อลุยโค่นต้นสักขาย ชี้รัฐหนุนให้ปลูกยอมไถมันฯ-ข้าวโพดทิ้ง แต่ตัดขายไม่ได้ สูญกันหลายสิบล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กำแพงเพชร - ชาวบ้านโวย เดือดร้อนกันหลายจังหวัดทั้งตาก กำแพงเพชร นครสวรรค์ ยันอุทัยธานี..ลงทุนไถไร่มันฯ-ไร่ข้าวโพด ทิ้งเอาที่ดิน ส.ท.ก.-ภ.บ.ท.ร่วมโครงการปลูกป่าเศรษฐกิจ จนท.รับรอง-จ่ายเงินอุดหนุนตามกฎ ผ่านมา 27 ปีกลับขอตัดไม่ได้ ทำสูญเงินรวมหลายสิบล้าน


นายเรืองเดช ร่วมชัยภูมิ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82/1 หมู่ 2 ต.โป่งน้ำร้อน อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร พร้อมนายเกรียงไกร มั่งคั่ง อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 1/11 หมู่ 2 ต.โป่งน้ำร้อน ได้เข้าร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนว่า หลังภาครัฐได้ทำการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกป่าเพื่อเศรษฐกิจสร้างรายได้ ซึ่งชาวบ้านจำนวนไม่น้อยได้ลงทุนปลูกต้นสักไปแล้ว แต่กลับตัดขายไม่ได้ ความฝันที่ทุกคนตั้งไว้มันกำลังจะพังลงโดยไม่มีใครหาทางออกได้เลย

นายเรืองเดชเล่าให้ฟังอีกว่า ก่อนหน้าชาวบ้านทั้งจังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี รวมถึงจังหวัดตาก ได้เข้าร่วมโครงการส่งเสริมเกษตรกรปลูกป่า ตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2538 โดยขึ้นทะเบียนที่ดินทั้ง น.ส.3 โฉนด ส.ป.ก. ส.ท.ก.หรือ ภ.บ.ท.5 ไว้เป็นหลักฐานกับสำนักงานปฏิรูปที่ดินกำแพงเพชร

ซึ่งเกษตรกรเจ้าของที่ดินที่เข้าร่วมโครงการแต่ละแปลงจะได้รับงบประมาณจากภาครัฐสนับสนุนเป็นเงิน 3,000 บาท โดยปีที่ 1 ป่าไม้จ่ายให้ไร่ละ 800 บาทเพื่อเตรียมแปลงปลูกและค่าต้นกล้าไม้สัก, ปีที่ 2 ไร่ละ 700 บาท เพื่อซื้อปุ๋ยบำรุงกล้าไม้, ปีที่ 3 จ่ายให้ 600 บาท ปีที่ 4 จ่าย 500 บาท และปีที่ 5 อีก 400 บาทต่อไร่ จนครบ 5 ปี และมีเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลตรวจสอบอยู่ตลอด

กระทั่งปี 2556 ชาวบ้านได้เข้าไปติดต่อป่าไม้ เพื่อขอขึ้นทะเบียนสวนป่าทำค้อนตราประจำสวน ปรากฏว่าป่าไม้อนุญาตให้เฉพาะคนที่มี น.ส.3 โฉนด ส.ป.ก. ส.ท.ก.นิคมคลองสวนหมาก เท่านั้น ส่วนผู้ที่มี ภ.บ.ท.5 ไม่อนุญาตให้ตัด บอกว่าที่ดินไม่ถูกต้อง ทั้งที่ตอนตรวจสอบแปลงปลูกยังได้รับการยืนยันว่าปลูกได้พร้อมกับได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐตามขั้นตอนมาโดยตลอด

“ตอนนี้ชาวบ้านต่างเดือดร้อนมาก จะนำที่ดินไปปลูกอย่างอื่นเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวก็ไม่ได้ ทุกคนหวังว่าจะได้รับเงินจากการปลูกป่าไว้เลี้ยงครอบครัวและตัวเอง คนแก่เฒ่าบางคนอายุมากก็ล้มหายตายจากไปแล้วก็มี”


นายเรืองเดช และนายเกรียงไร บอกว่าตนพร้อมกับพวกได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ผ่านมาแล้ว 3 คน ทำเรื่องถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเมตตาในการแก้ปัญหา แต่ทุกอย่างกลับเงียบหมด ไม่มีการคำนึงถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านเลย

นายเกรียงไกรกล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ได้ทำไร่ปลูกมัน ปลูกข้าวโพดบนพื้นที่ 70 ไร่ ปีหนึ่งๆ จะมีรายได้ประมาณ 5-6 แสนบาท วันนี้ผ่านมา 27 ปีแล้ว ถ้าปลูกมัน ข้าวโพดเหมือนเดิม ก็จะมีรายได้ไม่น้อยกว่า 15-16 ล้าน กับการปลูกสัก 27 ปีเช่นกัน หากขายได้วันนี้ไร่ละ 4 หมื่นบาท ก็จะได้เงิน 2.8 ล้านบาท แต่พอตัดขายไม่ได้ ทุกอย่างหายหมด หากคิดในแง่การลงทุน ชาวบ้านต่างสูญเสียรายได้ไปรายละหลายสิบล้านบาท จึงทำให้ตนและชาวบ้านอีกจำนวนไม่น้อยต่างเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น

“สุดท้ายถ้าทุกอย่างไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมพร้อมกับชาวบ้านจะยอมติดคุก เพื่อที่จะตัดต้นไม้สักที่ปลูกกับมือตามโครงการส่งเสริมของหน่วยงานรัฐไปขายในเร็วๆ นี้ แม้จะมีเจ้าหน้าที่ไปรอจับขณะที่โค่นก็ยอม”


กำลังโหลดความคิดเห็น