บุรีรัมย์ - นายอำเภอหนองกี่เต้นตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ผญบ.เมากร่างควงปืนบุกจี้ขู่ฆ่าลูกบ้าน หากผิดจริงพร้อมลงโทษทางวินัยตามระเบียบ ขณะที่ทำการ ผญบ.ปิดเงียบ ชาวบ้านคู่กรณีผวาหนักถึงขั้นซื้อกล้องวงจรปิดมาติดบ้าน หวั่นไม่ปลอดภัย จี้ต้นสังกัดปลดจากตำแหน่งใช้อำนาจเกินเหตุ
วันนี้ (26 ต.ค.) ความคืบหน้ากรณีชาวบ้านในตำบลบุกระสัง อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ได้ร้องขอความเป็นธรรม ผู้ใหญ่บ้านมีพฤติกรรมดื่มเหล้าเมาแล้วใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ โดยการพกพาอาวุธปืนบุกเข้าไปในบ้านชาวบ้านในยามวิกาล แล้วตะโกนถามหาผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเคยมีเรื่องบาดหมางใจกัน ก่อนจะชักอาวุธปืนจี้หน้าอกหลานชายของหญิงคนดังกล่าวแล้วโวยวายขู่จะยิงตายให้หมด จนชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องช่วยกันแย่งปืนจากมือของผู้ใหญ่บ้านจนปืนเกิดลั่น 1 นัด แต่เคราะห์ดีที่กระสุนไม่ได้โดนใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเด็กเพราะตกใจกลัว เหตุเกิดเวลาประมาณ 20.30 น. คืนวันที่ 19 ต.ค. 65 ล่าสุดผู้ใหญ่บ้านคนก่อเหตุได้รับการประกันตัวออกมา และยังคงดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านอยู่ ซึ่ง ผญบ.อ้างกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีคนร้องเรียนดื่มสังสรรค์กันเสียงดังจึงมาระงับเหตุ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด นายวิรัตน์ กลิ่นขจร นายอำเภอหนองกี่ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงผู้ใหญ่บ้านที่ถูกร้องเรียนแล้ว ซึ่งต้องใช้เวลาในการสอบสวนรวบรวมหลักฐาน และเรียกผู้ใหญ่บ้านที่ถูกกล่าวหามาสอบตามขั้นตอน ว่าได้กระทำผิดตามที่ชาวบ้านร้องเรียนจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากผลสอบพบว่าผู้ใหญ่บ้านที่ถูกร้องเรียนกล่าวหามีความประพฤติไม่เหมาะสมต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือมีการใช้อาวุธข่มขู่ประชาชนจริง ก็นำข้อมูลหลักฐานไปประกอบการพิจารณาลงโทษทางวินัยตามความผิดที่กระทำ
ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ส่วนในทางคดีเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดำเนินการ แต่หากในทางคดีศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุด ว่าผู้ใหญ่บ้านกระทำผิดเกี่ยวกับข้อหาอาวุธปืนซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง ก็จะขาดคุณสมบัติการเป็นผู้ใหญ่บ้านตาม พ.ร.บ.ปกครองท้องที่โดยอัตโนมัติ
น.ส.ศิริรัตน์ แงะเกาะ หรือป้าจง อายุ 50 ปี คู่กรณีที่ผู้ใหญ่บ้านไปตะโกนเรียกที่หน้าบ้านตามที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด ก่อนที่ ผญบ.จะตามไปก่อเหตุที่บ้านน้องสาว บอกว่า ตอนนี้ทั้งตน ครอบครัวและญาติพี่น้องต่างก็ใช้ชีวิตอยู่แบบหวาดระแวง หลังทราบว่าผู้ใหญ่บ้านได้รับการประกันตัวออกมาและยังคงดำรงตำแหน่งตามปกติ ไม่ได้ถูกสั่งพักราชการหรือลงโทษอะไรเลย แถมยังถูกลูกของผู้ใหญ่บ้านแจ้งความกลับกล่าวหาว่าใช้กำลังทำร้ายร่างกายผู้ใหญ่บ้าน ทั้งที่ลูกหลานซึ่งเห็นเหตุการณ์เข้าไปแย่งปืนจากมือผู้ใหญ่บ้านเพื่อไม่ให้ก่อเหตุยิงคนในบ้านเท่านั้น จังหวะที่ยื้อแย่งก็เกิดการชุลมุนยืนยันว่าไม่มีใครทำร้ายร่างกายผู้ใหญ่บ้านเลย
ยอมรับว่าตอนนี้กังวลจะมีการช่วยเหลือกันทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งกลัวเรื่องความปลอดภัยด้วยเพราะถึงแม้ผู้ใหญ่บ้านจะถูกตำรวจอายัดปืนที่ใช้ก่อเหตุไว้แล้ว แต่ไม่รู้ว่ายังมีปืนติดตัวอีกหรือไม่ และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้พิจารณาการอนุญาตให้ผู้นำหมู่บ้านมีอาวุธปืนในครอบครองและควรควบคุมการพกพาอาวุธปืนด้วย ไม่ใช่ว่าจะพกไปไหนมาไหนก็ได้ทั้งที่ไม่ได้มีเหตุร้ายอะไร โดยเฉพาะเวลาที่มึนเมาหากมีปืนก็ยิ่งจะทำให้รู้สึกฮึกเหิมจะข่มขู่หรือทำอะไรใครก็ได้
ด้าน นางลำไพ ตันกระโทก น้องสาว น.ส.ศิริรัตน์ บอกว่า หลังเกิดเหตุรู้สึกกลัวมาก เวลาไปไหนมาไหนก็ไม่กล้าไปคนเดียว เพราะไม่รู้ว่าผู้ใหญ่บ้านจะแค้นที่ทางครอบครัวไปแจ้งความเอาผิดแล้วจะมาแก้แค้นหรือไม่ ที่สำคัญก่อนหน้านี้ก็เคยขู่เอาไว้ ตอนนี้ถึงขั้นต้องซื้อกล้องวงจรปิดมาติดไว้ที่บ้าน เพราะหากเกิดอะไรขึ้นจะได้มีหลักฐาน ส่วนตัวมองว่าคนเป็นผู้นำควรจะดูแลปกป้องลูกบ้าน ไม่ใช่มาข่มขู่ทำร้ายลูกบ้านแบบนี้
วันนี้ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังที่ทำการผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวอีกครั้ง เพื่อให้ผู้ใหญ่บ้านได้มีโอกาสชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้พยายามตะโกนเรียกแต่ไม่มีเสียงใครตอบรับ ประตูที่ทำการถูกปิดล็อก จากนั้นได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อแต่ก็ปิดเครื่อง นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังได้ติดต่อไปยังผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านด้วย