กลุ่มเกษตรเมืองจันท์เปิดหน้าชนกรมวิชาการเกษตร ลั่นอย่าส่งแม่ทัพไม่เคยรบเข้ามาแก้ปัญหาผลไม้

จันทบุรี - พรึ่บ! กลุ่มเกษตรกร-ผู้ประกอบการเมืองจันท์เปิดหน้าชนกรมวิชาการเกษตร สั่งย้ายฟ้าผ่า “ชลธี นุ่มหนู” ทั้งที่สร้างผลงานเพียบ นายกสมาคมค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ลั่นอย่าส่งแม่ทัพไม่เคยรบเข้ามาแก้ปัญหาผลไม้ตะวันออก

วันนี้ (25 ต.ค.) ตัวแทนจาก 16 กลุ่มผู้ประกอบการ และ 7 กลุ่มเกษตรกร รวมทั้ง 4 กลุ่มแปลงใหญ่ จำนวนกว่า 500 คน ได้เดินทางเข้าให้กำลังใจ นายชลธี นุ่มหนู ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรที่ 6 หรือสวพ.6 หลังมีคำสั่งย้ายฟ้าผ่าให้เข้าไปทำงานที่กรมวิชาการเกษตร ในตำแหน่งผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช

นายนัฐกฤษฏ์ โอฬารหิรัญรักษ์ รองนายกสมาคมการค้าธุรกิจเกษตรไทย-จีน บอกว่ารู้สึกเสียดาย นายชลธี เนื่องจากเป็นคนมีฝีมือและเข้าใจปัญหาด้านการเกษตรจนสามารถแก้ปัญหาให้ได้ทั้งเกษตรกร ชาวสวน และผู้ประกอบการ ที่สำคัญเป็นคนเอาจริงเอาจังในการแก้ไขปัญหาเรื่องการส่งออกทุเรียนในปีที่ผ่านมา ซึ่งแม้ว่าทุเรียนจันทบุรีจะมีปริมาณมากแต่ไม่มีผลต่อราคา

และยังได้แสดงความกังวลว่าหากย้าย นายชลธี ออกนอกพื้นที่แล้วความต่อเนื่องของการแก้ไขปัญหาจะขาดหายไป หรืออาจต้องเริ่มนับ 1 ใหม่ เนื่องจากปัญหาผลผลิตผลไม้ของภาคตะวันออกค่อนข้างมีความซับซ้อน

“ขอแนะนำกรมวิชาการเกษตร ว่า ควรคิดให้ดีสำหรับคำสั่งย้าย ผอ.ชลธี ไป กทม. เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่ได้ห่วง “ผอ.ชลธี” ว่าเมื่อไปที่ใหม่แล้วจะทำงานไม่ได้ แต่ห่วง ผอ.คนใหม่ที่จะมาแทนว่าจะเริ่มต้นทำงานอย่างไร และจะแก้ไขปัญหาให้เกษตรกร ชาวสวน และผู้ประกอบการได้เหมือน “ผอ.ชลธี” หรือไม่” รองนายกสมาคมการค้าธุรกิจเกษตรไทย-จีน กล่าว


เช่นเดียวกับ ดร.รัฐวิทย์ ตั้งเกียรติพชร นายกสมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชา จ.จันทบุรี บอกว่า ที่ผ่านมา ผอ.ชลธี ไม่ได้แก้ไขเฉพาะปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพ หรือปัญหาการนำทุเรียนจากประเทศเพื่อนมาสวมสิทธิทุเรียนไทยเท่านั้น แต่ยังแก้ปัญหาเรื่องการส่งออกทั้งมังคุด และลำไยได้อย่างเบ็ดเสร็จ

“ต้องยอมรับว่าเขาสามารถแก้ปัญหาได้อย่างครบวงจร และทันต่อสถานการณ์ จึงอยากส่งเสียงไปยังอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ว่า หากจะส่งแม่ทัพที่ไม่เคยรบ หรือคิดจะรบแล้วความสำเร็จไม่มีก็อย่าส่งมา” ดร.รัฐวิทย์ ตั้งเกียรติพชร กล่าว


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวยังรายงานเพิ่มเติมว่า นายชลธี นุ่มหนู คือเหยื่อของกลุ่มผู้เสียประโยชน์ในวงการผลไม้ภาคตะวันออก ที่ก่อนหน้านี้มีความพยายามที่จะหาจุดด่างพร้อยเพื่อให้เกิดการย้าย นายชลธี ออกนอกพื้นที่แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจาก นายชลธี ไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์จากกลุ่มใดและจะปฏิบัติตัวกับทุกกลุ่มผู้ประกอบการภายใต้กติกาเดียวกัน

ขณะที่ นายชลธี นุ่มหนู ผอ.สวพ.6 เปิดใจกับผู้ที่เดินทางมาให้กำลังใจว่า การทำงานในช่วงที่ผ่านมามีเป้าหมายที่การช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนเป็นสำคัญ เพราะตนเองก็เป็นชาวสวน จึงอยากเห็นชาวสวนมีความเป็นอยู่ที่ดี ส่วนคำสั่งย้ายที่เกิดขึ้นทราบข้อมูลเพียงว่าไม่เกี่ยวข้องกับ นางมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ แต่มีกลุ่มบุคคลที่อยู่เบื้องหลังเพราะไม่พอใจการทำงานของ “ทีมเล็บเหยี่ยวพิทักษ์ทุเรียนไทย”  

“ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้เป็นผู้ขอย้ายเข้ากรุงเทพฯ และทางกรมก็ไม่เคยมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า โดยทราบแต่เพียงว่าคำสั่งดังกล่าวยังไม่ถึงที่สำนักงาน และหากคำสั่งตัวจริงมาถึงยังมีเวลาเหลืออีก 30 วันว่าจะเอาอย่างไร คิดแต่คงทำตามที่เคยประกาศไว้ว่าหากถูกย้ายก็จะลาออก เพราะมีแม่ที่อายุมากต้องดูแล”

นายชลธี ยังเผยอีกว่า สิ่งที่เป็นห่วงในขณะนี้คือ การจัดทำใบ GAP ที่ยังค้างอยู่อีกกว่า 80,000 ใบ ที่ต้องทำให้เสร็จเพราะสิ่งนี้คือส่วนสำคัญที่ทำให้ผลไม้ภาคตะวันออกส่งไปต่างประเทศได้เนื่องจากมีมาตรฐานมาควบคุม