จันทบุรี - ผอ.สวพ.6 จ่อยื่นใบลาออก หลัง กรมวิชาการเกษตร สั่งเด้งฟ้าผ่าเข้ากองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช ทั้งที่สร้างผลงานปราบปรามขบวนการทุเรียนอ่อน-ทุเรียนสวมสิทธิ ขณะชาวบ้านในพื้นที่เชื่อทำงานดีจนผู้เสียประโยชน์ไม่พอใจ
จากกรณีที่กรมวิชาการเกษตร มีคำสั่งย้ายด่วน นายชลธี นุ่มหนู ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรที่ 6 (สวพ.6) ให้เข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช กรมวิชาการเกษตร และมีคำสั่งให้ นายพิทวัฒน์ อ่อนทองหลาง ผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช เข้าดำรงตำแหน่ง ผอ.สวพ.6
ทั้งที่ นายชลธี นุ่มหนู ได้สร้างผลงานในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลไม้ภาคตะวันออกช่วงที่ผ่านมา ด้วยการนำทีมเล็บเหยี่ยวพิทักษ์ทุเรียนไทย ออกตรวจสอบและจับกุมผู้ค้าทุเรียน มังคุด และลำไยที่ส่งออกผลไม้ไปต่างประเทศโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ได้คุณภาพ จนสามารถรักษาผลประโยชน์ให้ประเทศได้เป็นจำนวนมาก
จนกระทั่ง น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.จันทบุรี เขต 3 ได้ตั้งคำถามถึงผู้บริหารกรมวิชาการเกษตร ว่า มีเหตุผลใดในการย้าย เพราะที่ผ่านมา ผอ.ชลธี เป็นผู้ที่ทำงานเอาจริงเอาจังกับการจับกุมผู้ค้าทุเรียนอ่อน และทุเรียนสวมสิทธิจนทำให้มีผู้เสียประโยชน์จนถูกดำเนินคดีและถูกถอนใบ GAP GAP+ จำนวนมากนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชลธี นุ่มหนู ได้โพสต์เฟศบุ๊กส่วนตัวเพื่อบอกเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ยังคงรับโทรศัพท์ ข้อความ และสื่อโซเชียลจากผู้หลักผู้ใหญ่ เกษตรกรชาวสวน ผู้ประกอบการ และมิตรสหายที่มีความห่วงใยอย่างไม่ขาดสาย พร้อมขอขอบคุณทุกท่านที่เป็นกำลังใจ
“ผมรู้สึกซาบซึ้งในความปรารถนาดีของทุกท่านเป็นอย่างยิ่ง หลายท่านสอบถามว่าผมจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป ได้เรียนไปตามตรงว่าผมได้ตัดสินใจไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าถ้าถูกสั่งย้ายออกจากจันทบุรี ต้องลาออกจากราชการเพราะมีแม่วัยชราที่ต้องดูแล ไม่สามารถย้ายไปอยู่ที่อื่นได้”
นายชลธียังระบุว่า สิ่งที่ยังกังวลคือเรื่องงานที่เกี่ยวพันไปถึงการส่งออกผลไม้ของภาคตะวันออกทั้งทุเรียน มังคุด และลำไยทั้งระบบ ซึ่งฤดูกาลนี้จะมีปัญหาหนักกว่าทุกปี โดยเฉพาะทุเรียนที่มีแนวโน้มจะออกมากระจุกตัวและผลผลิตน่าจะเกินล้านตัน ใบรับรอง GAP ที่ต้องเปลี่ยนรหัสใหม่ และต้องส่งให้ถึงมือเกษตรกรกว่า 80,000 ฉบับ เป็นงานที่หนักและต้องใช้ทีมงานที่เข้มแข็ง คงต้องฝากงานนี้ไว้กับ ผอ.สวพ.6 คนใหม่ต่อไป
“มีหลายท่านชี้ทางให้ผมทำงานการเมือง เรียนตามตรงว่าผมไม่ชอบงานการเมืองและไม่เคยคิดจะเป็นนักการเมือง แต่ถ้าผมถูกย้ายและบีบให้ลาออกเพราะการเมืองผมอาจจะตัดสินใจใหม่ บางทีอาจเป็นโอกาสให้ได้ตั้งกองทุนทุเรียนไทยให้ชาวสวนทุเรียนก็เป็นได้”
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าก่อนหน้านี้ นายชลธี เคยถูกเรียกไปพบและแจ้งให้ทราบว่าจะต้องถูกโยกย้าย แต่ได้ปฏิเสธ และขอทำงานเพื่อเกษตรกรในพื้นที่ภาคตะวันออกต่อ เนื่องจากเหลืออายุราชการอีกราวๆ 5 ปีและจะไม่ขอย้ายไปไหน เนื่องจากมีแม่ที่ต้องดูแล
ส่วนสาเหตุคำสั่งเด้งฟ้าผ่าในครั้งนี้คนในพื้นที่ จ.จันทบุรี เชื่อกันว่าน่าจะมาจาก 4 สาเหตุใหญ่คือ
1.นายชลธี นุ่มหนู เป็นน้องชายแท้ๆ ของ “ส.ส.โอ๋” ศักดินัย นุ่มหนู ส.ส.ตราด พรรคก้าวไกล 2.การจับกุมผู้ค้าทุเรียนอ่อนอย่างจริงจังแม้กระทั่งเคยถูกนำรถมาขวางทางเข้าออกขณะตรวจจับ และมีกลุ่มบุคคลอ้างเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี มาขอเคลียร์ แต่ นายชลธี ไม่ยอม
3.นายชลธี นุ่มหนู มีการเอาผิดกลุ่มผู้สวมสิทธิทุเรียนไทยด้วยการนำทุเรียนเวียดนามเข้ามามาตีแบรนด์เป็นทุเรียนไทยส่งออกไปจีน ซึ่งทั้งกลุ่มค้าทุเรียนอ่อนและสวมสิทธิทุเรียนไทยมีกลุ่มทุนทั้งต่างชาติและคนไทย และกลุ่มคนที่ได้ประโยชน์หลายกลุ่ม และมีมูลค่ามหาศาล
และ 4.นายชลธี นุ่มหนู เป็นข้าราชการที่ทำงานตรงไปตรงมา ไม่ยอมใครง่ายๆ และอาจทำให้ผู้มีอำนาจที่มีส่วนได้เสียกับธุรกิจนี้ไม่พอใจ