พิษณุโลก - สลิงประตูกั้นน้ำเขื่อนนเรศวรหลุด-ใช้การไม่ได้ 1 บาน น้ำน่านเขตเมืองพิษณุโลกอาจขึ้นสูงสุดเย็นนี้ แต่ไม่ถึงจุดวิกฤต ขณะที่น้ำยมจากสุโขทัยหลากเข้าถึงพรหมพิรามอีก 1-2 วันข้างหน้า ผู้ว่าฯ สั่งเพิ่มคันดินริมตลิ่งป้องกันแล้ว
วันนี้ (4 ต.ค. 65) นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย ผอ.โครงการชลประทานที่ 3 ผอ.โครงการชลประทานพิษณุโลก และ ผอ.โครงการส่งน้ำเขื่อนนเรศวร ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่และติดตามสถานการณ์น้ำ ณ เขื่อนนเรศวร อ.พรหมพิราม
ขณะนี้ประตูกั้นน้ำบานที่ 3 จากทั้งหมด 5 บาน ซึ่งปิดกั้นน้ำของเขื่อนนเรศวร เกิดชำรุดสลิงพังเสียหายลงไปใต้น้ำ ทำให้ไม่สามารถใช้การได้ 1 บาน อาจส่งผลให้น้ำน่านที่ไหลผ่านตัวเมืองพิษณุโลกขึ้นสูงถึงระดับ 9 เมตรในช่วงเย็นวันนี้ แต่ไม่กระทบในเขตเทศบาลเมืองพิษณุโลกแต่อย่างใด
โดยระดับน้ำในแม่น้ำน่าน ที่สถานีวัด N.5A อ.เมือง มีระดับน้ำ 7.88 ม. ณ เวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังต่ำกว่าตลิ่ง 2.49 ม. ปริมาณน้ำไหลผ่าน 879.70 ลบ.ม/วินาที
ผอ.โครงการส่งน้ำเขื่อนนเรศวรยืนยันว่า เหตุสลิงหลุดจากตัวประตูกั้นน้ำบานที่ 3 ไม่ได้ขาด เนื่องจากไม่ค่อยให้ใช้งาน ซึ่งวันนี้จะเร่งดำเนินการแก้ไข ระดับน้ำอาจเพิ่มสูงขึ้น แต่รับมือได้ แม้ระดับน้ำจะสูงถึง 9 เมตร แต่จุดวิกฤตหรือล้นตลิ่งอยู่ที่ระดับ 13 เมตร
ขณะที่ในพื้นที่รอบนอก คือ อ.พรหมพิราม ที่รับน้ำจากสุโขทัยบางส่วน นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก และชลประทานจังหวัดได้ตรวจสอบปริมาณน้ำในแม่น้ำยมสายเก่า หรือคลองเมม ที่หมู่ 8 ต.ท่าช้าง หมู่ที่ 9 ต.หนองแขม หมู่ 11, 12 ต.พรหมพิราม อำเภอพรหมพิราม พบว่าน้ำที่หลากลงมาจากสุโขทัยลงพื้นที่คลองเมมสายเก่าทำให้มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น
ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกกล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะเพิ่มสูงสุดภายใน 2 วัน น้ำจะขึ้นอีกประมาณ 30 เซนติเมตร จึงได้ย้ำให้ทุกฝ่ายร่วมกันดำเนินการเสริมคันดินป้องกันมวลน้ำอย่างเร่งด่วน แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยริมแม่น้ำยมสายเก่า และสายใหม่ ให้ขนทรัพย์สินขึ้นไว้ที่สูงเพื่อป้องกันระดับน้ำมากจนเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำได้
