เชียงใหม่ - การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเชียงใหม่ส่ง จนท.ลงพื้นที่สำรวจตรวจสอบจุดเสี่ยงหม้อแปลง รวมทั้งสายไฟฟ้าและสายสัญญาณสื่อสารที่ยุ่งเหยิงรกรุงรังย่านถนนวังสิงห์คำ ในตัวเมืองเชียงใหม่แล้ว หลังชาวบ้านผวาหนักหวั่นเกิดเหตุสูญเสียซ้ำรอยสำเพ็ง วอนเร่งปรับปรุงแก้ไขให้ปลอดภัย
ความคืบหน้ากรณีที่ประชาชนผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ชุมชนวังสิงห์คำ ป่าตัน และบ้านท่อ เขต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เกิดความวิตกกังวลอย่างหนักเกี่ยวกับปัญหาของหม้อแปลง สายไฟฟ้า สายสัญญาณ ที่มีหลายจุดที่พบว่าอยู่ชิดติดบ้านเรือนประชาชน และสายไฟยุ่งเหยิงบางจุดเกิดภาพที่อุจาดสายตา และเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สินของชาวบ้าน โดยเฉพาะที่บริเวณเสาไฟฟ้า หม้อแปลง และหน้าบ้านของชาวบ้านย่านร้านเทนคาราโอเกะ ในชุมชนวังสิงห์คำ พบว่าตรงหัวมุมเสาไฟฟ้ามีสายไฟฟ้าและสายสัญญาณพันกันยุ่งเหยิง มีร่องรอยของไฟไหม้ มีสายไฟที่ฉนวนหุ้มถูกไฟไหม้ไปหมดแล้วเหลือแต่สายโลหะข้างในยังไม่มีการรื้อถอนออกไป แถมชาวบ้านบอกว่ายังมีการนำสายสัญญาณมาติดตั้งเพิ่มเข้าไปอีกโดยไม่มีการรื้อของเก่าที่เสียหายออกไปด้วยยิ่งทำให้สายต่างๆ เพิ่มขึ้นแทบทุกวัน และเช่นนี้มานานกว่า 10 ปีแล้ว ใกล้กันนี้เป็นห้องแถวบ้านเรือน และร้านค้าของชาวบ้านก็มีสายต่างๆ มากกว่า 100 เส้นพันห้อยพาดกันสาดของตัวบ้านอย่างอุจาดสายตาผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง และถัดกันไปยังพบว่ามีหม้อแปลงไฟฟ้าและสายต่างๆ ห้อยระโยงระยางกับหลังคา และกันสาด
วันนี้ (29 มิ.ย. 65) รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เชียงใหม่ 2 ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่มาสำรวจจุดดังกล่าว ซึ่งมีการตรวจสอบและถ่ายภาพไว้ แต่ก็ยังไม่ได้มีการเข้ามาเจรจาหรือพูดคุยกับชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่เองก็หวังว่าหลังจากที่เป็นข่าวดังแล้วจะได้รับการแก้ไขโดยเร็ว โดยนายสุรีย์ ฉอสันเที๊ยะ เจ้าของร้านตะวันสูท เผยว่า เมื่อวานนี้มีการส่งเจ้าหน้าที่มาลงพื้นที่ตรวจสอบคาดว่าน่าจะลงมาเก็บข้อมูลก่อนหลังจากที่เป็นข่าวก็ฝากขอบคุณสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวจนเริ่มเห็นว่ามีความเคลื่อนไหวของส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งที่ผ่านมากว่า 10 ปีแม้จะร้องเรียนไปก็ไม่ได้รับความสนใจจะมาแก้ไขอย่างจริงจัง ที่หน้าร้านของตนทั้งสายไฟฟ้าสายสัญญาณที่ห้อยยุ่งเหยิง มีทั้งที่สายไฟที่มีการใช้งาน และที่ไม่ใช้งานแล้วบางส่วนขาดห้อยลงมา ทุกวันก็จะต้องหาไม้มาเขี่ยม้วนขึ้นไปไม่ให้พาดลงมาซึ่งไม่กล้าใช้มือจับเพราะไม่รู้ว่าสายไหนมีกระแสไฟอยู่หรือไม่ ทั้งนี้ อยากให้ส่วนที่เกี่ยวข้องลงมาจัดการเอาสายที่ไม่ได้มีการใช้งานออกไปเชื่อว่าจะทำให้สายไฟที่ยุ่งเหยิงลดหายไปกว่าครึ่ง และหากเป็นไปได้ก็อยากให้จัดเก็บให้เรียบร้อย และย้ายไปอยู่ในจุดที่ห่างจากผู้คนหรือตัวบ้านที่ปลอดภัยมากกว่านี้ ซึ่งการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่เมื่อวานก็ยังไม่ได้มีการเข้ามาพูดคุยกับชาวบ้านในชุมชนแต่อย่างใด