ศูนย์ข่าวศรีราชา - เริ่มแล้วมาตรการทวงคืนพื้นที่สาธารณะชายหาดนาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นายอำเภอสัตหีบ สนธิกำลังหลายหน่วยจัดทัพลุยตรวจทุกวัน พบผู้ประกอบการดื้อแพ่งฝ่าฝืนบุกรุกดำเนินการตั้งแต่ขั้นตักเตือน ยันใช้กฎหมาย
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (27 มิ.ย.) ว่าที่ พ.ต.ชาติชาย ศรีโพธิ์อ่อน นายอำเภอสัตหีบ เป็นประธานปล่อยแถวจัดระเบียบทวงคืนพื้นที่ชายหาดนาจอมเทียน ม.1 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมเจ้าท่า ฝ่ายปกครองอำเภอสัตหีบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สัตหีบ ทหารเรือ และเจ้าหน้าที่เทศกิจเข้าร่วม
โดยนายอำเภอสัตหีบ เผยว่า หลังปรากฏภาพการบุกรุกพื้นที่ตลอดแนวชายหาดนาจอมเทียน ระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตรของกลุ่มผู้ประกอบการ และยังยึดพื้นที่ถนนที่สัญจรและทางเท้าหาผลประโยชน์ส่วนตัว จนทำให้ชาวบ้านในพื้นที่และนักท่องเที่ยวได้รับความเดือดร้อนจากการไม่สามารถใช้พื้นที่ชายหาดสาธารณะได้นั้น
การกระทำของผู้ประกอบการกลุ่มดังกล่าวยังถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายในการใช้พื้นที่สาธารณะ รวมถึงยังเป็นการกระทำผิด พ.ร.บ.รักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ผิดระเบียบจราจร อีกทั้งยังเป็นที่มาของการก่อเหตุทะเลาะวิวาทระหว่างผู้ค้าและประชาชนที่ไม่สามารถเข้าใช้พื้นที่ได้ ที่สำคัญยังทำให้เกิดปัญหาขยะมูลฝอยและพื้นที่เสื่อมโทรม
โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่พร้อมที่จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจังเพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย และยังได้มีจัดกำลังชุดตรวจตราพื้นที่ เพื่อประชาสัมพันธ์ไม่ให้มีผู้ใดฝ่าฝืนใช้พื้นที่ชายหาด หรือพื้นที่สาธารณะใช้ประโยชน์ ซึ่งในเบื้อต้นจะทำการตักเตือน และหากยังดื้อดึงฝ่าฝืนจะดำเนินคดีตามกฎหมาย
“ขอให้กลุ่มผู้ค้าให้ความร่วมมือต่อหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้สังคมเกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยและจะมีการตั้งจุดตรวจทุกวันจนกว่าพื้นที่บริเวณชายหาดและพื้นที่สาธารณะจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ” นายอำเภอสัตหีบ กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสนธิกำลังของเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานครั้งนี้เพื่อต้องการให้ชายหาดนาจอมเทียน ซึ่งกรมเจ้าท่า ได้ทุ่มงบประมาณเกือบ 600 ล้านบาท ฟื้นฟูพื้นที่ชายหาดให้กลับมาสวยงามและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายหาดเพื่อให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน เพื่อประโยชน์ของคนไทยทุกคนที่จะได้ใช้พื้นที่ในการพักผ่อนหย่อนใจ และชื่นชมธรรมชาติที่สวยงาม
ทั้งนี้ที่ผ่านมา เทศบาลตำบลนาจอมเทียน ได้พยายามแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ด้วยการนำป้ายขนาดใหญ่ติดแจ้งเตือนบริเวณชายหาดตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่กลุ่มผู้ประกอบการเห็นแก่ได้กลับไม่เกรงกลัวกฎหมายและอำนาจรัฐ และยังดื้อดึงค้าขายดังเดิมจนเป็นที่มาของการเรียกร้องขอคืนพื้นที่ทั้งจากประชาชน และนักท่องเที่ยว