ฉะเชิงเทรา -รักษาการประมง จ.ฉะเชิงเทรา ระบุเหตุพบหัวจระเข้ในถังขยะเขต อ.บางคล้า เกิดจากการกำจัดซากไม่ถูกวิธี เร่งส่ง จนท.ทำความเข้าใจชาวบ้านเผยปัจจุบันจำนวนจระเข้ในพื้นที่ลดลงจากหลักแสนตัวเหลือเพียงไม่กี่หมื่นตัว จากปัญหาราคาตกต่ำ
จากกรณีที่มีการพบหัวจระเข้ถูกนำมาทิ้งในถังขยะเขต อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา จนสร้างความสงสัยให้ประชาชนในพื้นที่ว่าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร ขณะที่สำนักงานประมง อ.บางคล้า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายสุทธิวุฒิ แก่นทอง หัวหน้ากลุ่มงานบริหารจัดการด้านการประมง รักษาการประมง จ.ฉะเชิงเทรา ว่า เบื้องต้นสำนักงานประมงอำเภอ ได้ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับเจ้าของฟาร์มเลี้ยงและผู้จำหน่ายเนื้อจระเข้ รวมทั้งชาวบ้านในพื้นที่เพื่อขอให้ดำเนินการกำจัดซากตามวิธีการฝังกลบ
ส่วนกรณีการพบหัวจระเข้ถูกทิ้งในถังขยะนั้นขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามาจากแหล่งใด แต่คาดว่าน่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์จากปัญหาการพบจระเข้ในแหล่งน้ำธรรมชาติ
อย่างไรก็ตามการขายเนื้อจระเข้ของฟาร์มเลี้ยงจะแยกหนังและหัวจระเข้ออกจากกันซึ่งส่วนใหญ่จะมีการกำจัดซากอย่างถูกวิธี และจะขายหัวจระเข้ให้กับผู้ที่นิยมนำไปใช้ประดับบ้าน หรือตั้งโชว์ตามรสนิยมของแต่ละบุคคล รวมถึงการสต๊าฟไว้ขายให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งราคาขายหัวจระเข้จากฟาร์มจะอยู่ที่ประมาณ 1,000-1,500 บาท
“แต่หลังราคาจระเข้ตกต่ำลงมามาก ทางฟาร์มจะเก็บเอาไว้เฉพาะหนังเพียงอย่างเดียว ส่วนเนื้อและหัวจระเข้จะขายให้แก่ผู้ที่สนใจและนิยมบริโภคเนื้อจระเข้”
อย่างไรก็ตาม จระเข้ยังถือเป็นสัตว์ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ห้ามล่า ห้ามค้า และครอบครอง ดังนั้นหากพบว่ามีการครอบครองไม่ถูกต้องจะมีความผิดตามกฎหมาย รวมถึงการกำจัดชิ้นส่วนต่างๆ และซากจระเข้ที่จะต้องทำให้ถูกวิธี และต้องมีใบต้นขั้วระบุแหล่งที่มา
นายสุทธิวุฒิ ยังกล่าวอีกว่า ในอดีต จ.ฉะเชิงเทรา มีผู้เพาะเลี้ยงจระเข้นับแสนตัว โดยเฉพาะภายในฟาร์มเลี้ยงสุกรและฟาร์มเลี้ยงไก่ เพื่อให้ช่วยกำจัดซากสัตว์ที่ตายภายในฟาร์ม
แต่ปัจจุบันจระเข้ใน จ.ฉะเชิงเทรา เหลือเพียง 55,893 ตัว จากผู้เลี้ยง 63 ฟาร์มใน 11 อำเภอ ซึ่งขณะนี้ฟาร์มเลี้ยงส่วนใหญ่ได้หยุดเพาะเลี้ยงชั่วคราวจากปัญหาราคาที่ตกต่ำมากกว่าครึ่ง และฟาร์มส่วนใหญ่มักจะนำไข่จระเข้ที่มีออกมาบริโภคแทนไข่ไก่ด้วย เนื่องจากยังไม่มีความต้องการที่จะฟักตัวจระเข้
ทั้งนี้ จ.ฉะเชิงเทรา ยังถือเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงจระเข้ลำดับต้นๆ ของประเทศรองจาก จ.นครปฐม สมุทรปราการ และเพชรบูรณ์ ซึ่งพื้นที่ที่มีการเพาะเลี้ยงมากที่สุดคือ อ.บางคล้า ซึ่งในปัจจุบันยังมีจระเข้อยู่ประมาณ 30,644 ตัว จากฟาร์มเพาะเลี้ยง 7 ฟาร์มที่ยังเหลืออยู่ในปัจจุบัน
ส่วนพื้นที่ ต.สาวชะโงก ที่มีการพบจระเข้และมีประชาชนถูกจระเข้กัดจนได้รับบาดเจ็บปัจจุบันเหลือฟาร์มเลี้ยงเพียงแห่งเดียวซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง และยังมีจระเข้เหลืออยู่ในฟาร์มเพียง 1,395 ตัว จากเดิมที่เคยเพาะเลี้ยงประมาณ 6-7 พันตัว
ขณะที่จระเข้ที่พบตามแหล่งน้ำธรรมชาติและกัดคนจนได้รับบาดเจ็บยังไม่ทราบแหล่งที่มาอย่างชัดเจน และอาจเป็นจระเข้ตามธรรมชาติที่ยังหลงเหลืออยู่
