จันทบุรี - เตือนภัย 2 ผัวเมียแสบทำทีตีสนิทเจ้าของล้งรับซื้อทุเรียนใน อ.ขลุง จ.จันทบุรี ก่อนเสนอตัวเป็นสายตัดทุเรียนหลอกโอนเงินหลายล้านบาท สุดท้ายพบผู้เสียหายอื้อ ทำสูญเงินรวมแล้วกว่า 10 ล้านบาท
วันนี้ (13 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.พิมผกา จิตทะเน ผู้จัดการล้งทุเรียนใน อ.ขลุง จ.จันทบุรี ว่า ถูก 2 ผัวเมียซึ่งนำทุเรียนมาขายให้เป็นประจำจนเกิดความสนิทสนม หลอกให้โอนเงินค่าตัดทุเรียนจนสูญเงินเกือบ 2 ล้านบาท หลังอาสาเป็นสายตัดทุเรียนส่งขาย
โดยบอกว่า 2 สามีภรรยาคือ นายยุทธ พูลทวี อายุ 50 ปี และ น.ส.ขวัญ เบญจชีพ อายุ 45 ปี ชาว อ.ขลุง จ. จันทบุรี ได้ตกลงส่งทุเรียนขายให้ตนเองโดยมีข้อตกลงว่า หากต้องการได้ทุเรียนเต็มตู้คอนเทนเนอร์จะต้องสำรองเงินประมาณ 1,800,000 บาท ซึ่งในเบื้องต้นทางล้งตกลงซื้อแต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องเห็นทุเรียนที่ตัดและขนขึ้นรถก่อนจึงจะโอนเงินให้ ซึ่งในครั้งแรกทั้ง 2 คน สามารถหาทุเรียนส่งมอบให้ได้ตามที่นัดหมายจนมั่นใจในการโอนเงิน
“แต่ในครั้งที่ 2 ทั้ง 2 ผัวเมียได้ติดต่อมาว่าจะส่งทุเรียนให้อีกแต่ล้งจะต้องจ่ายเงินให้ชาวสวนโดยตรงด้วยการเงินโอนผ่านบัญชีของ น.ส.ขวัญ ประกอบกับทางล้งกำลังต้องการทุเรียนอีก 1 ตู้คอนเทนเนอร์ จึงตกลงซื้อภายใต้เงื่อนไขเดิมและทั้ง 2 ฝ่ายได้วิดีโอคอลกลับมาให้เห็นภาพสวนและทุเรียนใน จ.ระยอง รวมทั้งภาพคนงานกำลังลำเลียงทุเรียนขึ้นรถจนเต็มจำนวน 2 คัน”
ผู้จัดการล้งทุเรียนใน อ.ขลุง บอกว่าในครั้งนี้ตนเองหลงเชื่อจึงโอนเงินให้ถึง 2 ครั้ง โดยในครั้งแรกโอนเงิน จำนวน 1,500,000 บาท ส่วนรอบที่ 2 จำนวน 300,000 บาท กระทั่งรอนานหลายชั่วโมงยังไม่เห็นว่ามีรถทุเรียนวิ่งเข้ามาส่ง จึงพยายามโทรศัพท์ติดต่อ น.ส.ขวัญ ที่ประสานงานเข้ามาแต่ไม่สามารถติดต่อได้
“เมื่อโทรศัพท์ไปหา นายยุทธ ซึ่งเป็นสามีอ้างว่าไม่รู้เรื่องและไม่ได้ไปด้วยกับเมีย และยังอ้างว่าติดต่อเมียไม่ได้ จนต้องเข้าแจ้งความที่ สภ.ขลุง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก น.ส.ขวัญ ถึง 2 ครั้ง แต่ยังไม่เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งหลังจากนี้ตำรวจจะออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกงต่อไป”
ขณะที่ นายยุทธนา พูลทวี ทางเจ้าหน้าตำรวจได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ในข้อหาฉ้อโกง แต่กยังไม่เข้ารายงานตัวเช่นกัน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังเกิดเหตุทางล้งได้นำเรื่องราวโพสต์เตือนภัยในออนไลน์ ปรากฏว่ามีล้งผู้เสียหายอีกหลายแห่งแจ้งเข้ามาว่า เคยถูก 2 ผัวเมียหลอกลวงในลักษณะนี้จนต้องสูงเงินมากกว่า 10 ล้านบาท และได้มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.ต่างๆ แล้วเช่นกัน
