บุรีรัมย์ - ปชช.ชาวบุรีรัมย์ที่เคยแอบปลูกกัญชาไว้ในครัวเรือนสำหรับประกอบอาหารและต้มดื่มกินเพื่อดูแลรักษาสุขภาพ ต่างดีใจหลังรัฐปลดล็อกกัญชาเสรี ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เพราะกลัวถูกจับ ด้านอดีตนักกฎหมายเผยไม่กังวลวัยรุ่น เยาวชนจะใช้กัญชาผิดวัตถุประสงค์ เพราะเป็นยุคเทคโนโลยี แต่รัฐต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้องถึงประโยชน์ของกัญชา เชื่อแยกแยะได้
วันนี้ (10 มิ.ย.) ประชาชนชาวจังหวัดบุรีรัมย์ที่เคยแอบปลูกกัญชาไว้ในครัวเรือนเพื่อใช้ประกอบอาหารและต้มน้ำดื่มกินเพื่อดูแลรักษาสุขภาพตัวเอง ต่างดีใจที่รัฐปลดล็อกกัญชง-กัญชา ออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5 เป็นพืชสมุนไพรที่ประชาชนทั่วไปสามารถปลูกได้เองในครัวเรือน จะได้ไม่ต้องแอบปลูกกินแบบหลบๆ ซ่อนๆ เหมือนเมื่อก่อน เพราะกลัวจะถูกตำรวจจับกุมดำเนินคดี ซึ่งรัฐควรจะปลดล็อกมาตั้งนานแล้วเพราะเชื่อว่ากัญชาเป็นพืชสมุนไพรและมีประโยชน์มากกว่าโทษ หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและถูกวิธี ซึ่งรัฐไม่ควรจะปิดกั้นการเข้าถึง แต่ควรจะให้ความรู้แก่ประชาชนมากกว่า
น.ส.แสงจันทร์ สาราจารย์ อายุ 65 ปี ชาวบ้านใน ต.ชุมเห็ด อ.เมืองบุรีรัมย์คนหนึ่ง ยอมรับว่า ที่ผ่านมาได้แอบปลูกกัญชาไว้ในครัวเรือนเพื่อประกอบอาหารและต้มดื่มกินเพื่อดูแลรักษาสุขภาพตัวเอง เพราะตัวเองเป็นโรคความดัน และมีภาวะเครียดนอนไม่ค่อยหลับ แต่พอเริ่มต้มกัญชาดื่มความดันก็เริ่มดีขึ้น นอนหลับสนิทมากขึ้น รับประทานอาหารได้ จึงทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนแม้จะเข้าสู่วัยสูงอายุแล้ว แต่ที่ผ่านมาก็แอบปลูกแบบหลบๆ ซ่อนๆ เพราะกลัวจะถูกจับดำเนินคดี แต่หลังจากที่รัฐปลดล็อกให้ประชาชนทั่วไปสามารถปลูกในครัวเรือน เพื่อไว้ดูแลสุขภาพตัวเองได้ก็ดีใจจะได้ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ หรือกลัวถูกจับกุมอีก ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยผลักดันให้ได้ปลดล็อกกัญชาเป็นพืชสมุนไพร
ด้าน นายเสฏฐวุฒิ ชมพูพงษ์ อดีตนักกฎหมาย บอกว่า ภายหลังที่มีการปลดล็อกกัญชง-กัญชา ออกจากบัญชียาเสพติดให้เป็นพืชสมุนไพร และอนุญาตให้ประชาชนสามารถปลูกในครัวเรือนเพื่อดูแลสุขภาพตัวเองได้ เชื่อว่ากลุ่มคนส่วนใหญ่ต่างเห็นด้วยเพราะกัญชามีประโยชน์มากกว่าโทษ แต่อาจจะมีบางกลุ่มที่ยังไม่เห็นด้วย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องไปสร้างความเข้าใจเพื่อให้คนกลุ่มนี้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ส่วนตัวมองว่าเหล้า บุหรี่ น่าจะมีโทษมากกว่า
ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มวัยรุ่น เยาวชนที่อาจจะใช้กัญชาผิดวัตถุประสงค์นั้น มองว่าทุกวันนี้เป็นยุคเทคโนโลยีวัยรุ่น เยาวชนที่จะค้นคว้าข้อมูลข่าวสารได้สะดวกอยู่แล้ว และเชื่อว่าเขาสามารถแยกแยะได้ว่าอะไรดีไม่ดีกับตัวเอง ที่สำคัญยังมีกฎหมายเข้าไปกำกับดูแลอีก ซึ่งแทนที่จะไปกังวล รัฐควรจะเร่งให้ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริงเกี่ยวกับประโยชน์ของกัญชาแบบไม่บิดเบือนให้ประชาชน และวัยรุ่น เยาวชน ได้เข้าใจอย่างถูกต้องมากกว่า