ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ตำรวจขอนแก่นจับผู้ต้องหาปลอมตัวบวชเป็นพระอ้างตนเป็นพี่ชาย “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. หลอกลวงชาวบ้านว่าสามารถฝากเข้าเป็นตำรวจ-ทหาร มีเหยื่อหลงเชื่อจำนวนมาก ต้องจ่ายเงินค่าดำเนินการไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท/คน
จากกรณีมีผู้เสียหายร้องเรียนมายังสื่อมวลชน ว่ามีพระภิกษุอ้างตนเป็นพี่ชาย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ว่าสามารถฝากลูกหลานเข้ารับราชการเป็นตำรวจและทหาร โดยเสียค่าใช้จ่ายรายละประมาณ 100,000 บาท มีผู้เสียหายหลงเชื่อ ซึ่งก่อเหตุบริเวณพื้นที่ จ.ขอนแก่น และ จ.มหาสารคาม
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (9 มิ.ย.) พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงสิริสมบัติ รอง ผบก.สส.ภาค 4 พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภาค 4 พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น คือ นายอภิรักษ์ จุลจรัสภากร อายุ 75 ปี อยู่บ้านเลขที่ 555 แขวงสายไหม เขตสายไหม กทม. ในข้อหา "ฉ้อโกง" โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณบ้านเช่าเลขที่ 93/1 หมู่ 3 ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร
พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น กล่าวว่า พฤติการณ์ในคดีนี้ กล่าวคือ นายอภิรักษ์ได้บวชเป็นพระภิกษุ อยู่ที่วัดธรรมจักร บ้านท่าแก ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ได้รับฉายา “พระอภิรักษ์ อภิปุญโญ” และเริ่มตีสนิทญาติโยมที่มาทำบุญตามวัดต่างๆ โดยอ้างตนเองมียศนายพลทหารและมาบวชเป็นพระภิกษุ มีน้องชายคือ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. และสามารถฝากบุคคลเข้ารับราชการตำรวจและทหาร มีโควตาปีละ 2 คน โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000 บาท จนมีชาวบ้านหลงเชื่อและจ่ายเงิน
เมื่อนายอภิรักษ์ได้เงินแล้วก็จะย้ายไปจำพรรษาที่วัดอื่นต่อ และหลอกลวงญาติโยมที่มาทำบุญในลักษณะเดียวกันที่วัดอื่นต่อ จนถูกดำเนินคดีและออกหมายจับ ต่อมาจึงได้ลาสิกขาบทจากความเป็นพระในพื้นที่ จ.ตาก และหลบหนีไปตามพื้นที่ต่างๆ จนมาถูกจับกุมได้ที่ อ.สวี จ.ชุมพร
จากการตรวจสอบประวัติพบว่านายอภิรักษ์ ผู้ต้องหา เคยถูกกองปราบฯ จับกุมโดยกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันมาก่อนเมื่อปี 2558-2559 โดยก่อเหตุในพื้นที่ จ.อ่างทอง และเมื่อพ้นโทษ ในปี 2564 ได้บวชเป็นพระและมาก่อเหตุช้ำอีก และจากการตรวจสอบเพิ่มเติมยังพบอีกว่ามีผู้เสียหาย ในลักษณะคล้ายกันถูกนายอภิรักษ์หลอก โดยเหตุเกิดในเขตพื้นที่อำเภอเมืองขอนแก่น 2 คดี และอำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคามอีกจำนวน 3 คดี รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นกว่า 500,000 บาท
พ.ต.อ.ปรีชากล่าวว่า ในโอกาสนี้ขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาซนทราบ หากทราบว่าตนเองถูกผู้ต้องหาหลอกลวงในลักษณะเดียวกันนี้ ขอให้แจ้งมายัง สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก