xs
xsm
sm
md
lg

วอนช่วยหนูน้อยวัย 3 ขวบ จ.ชลบุรี ป่วยโรคหัวใจสีเขียว พ่อแม่ไร้เงินรักษา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวศรีราชา - พ่อแม่วอนผู้ใจบุญช่วยลูกน้อยวัย 3 ขวบ ป่วยโรคหัวใจสีเขียวแต่กำเนิด ไม่มีเงินพารักษากับแพทย์เฉพาะทาง เผยทั้งครอบครัวมีรายได้จากการขายปลาเค็มและเบี้ยคนพิการเดือนละ 1,000 บาท ขณะรายจ่ายต่อวันมากถึง 800 บาท
 
จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ซึม ศรีสุข ได้โพสต์ข้อความวอนผู้ใจบุญให้การช่วยเหลือลูกชายวัย 3 ขวบ ที่ป่วยด้วยโรคหัวใจสีเขียวแต่กำเนิด เนื่องจากครอบครัวไม่มีเงินค่าเดินทางพาลูกน้อยไปรักษากับแพทย์เฉพาะทาง พร้อมนำภาพลูกชายในสภาพที่ต้องเจาะคอเพื่อให้ออกซิเจนอยู่ตลอดเวลาเผยแพร่ลงในโลกออนไลน์เพื่อขอความเห็นใจนั้น

วันนี้ (6 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 49/4 ม.1 ต.บางหัก อ.พานทอง จ.ชลบุรี โดยพบสภาพความเป็นอยู่ของ ด.ช.พฤตินันท์ ศรีสุข หรือน้องบิ๊กจิ๋ว วัย 3 ขวบ 3 เดือน ที่ป่วยด้วยโรคหัวใจสีเขียว ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของหัวใจที่มีเลือดดำปนอยู่ในเลือดแดงที่หล่อเลี้ยงร่างกาย จึงต้องถูกแยกตัวให้อยู่ภายในห้องขนาดเล็กที่ต้องเปิดแอร์ตลอดเวลา
 
เนื่องจากทางครอบครัวเกรงว่าหากเด็กอยู่ในสภาพอากาศร้อนอาจทำให้เกิดอาการหัวใจวายได้ อีกทั้งยังต้องให้ออกซิเจนตลอด 24 ชั่วโมง และต้องให้นมทางสายยางที่เจาะต่อไว้ที่กระเพาะอาหาร


จากการสอบถาม นางลำพึง ศรีสุข อายุ 46 ปี ผู้เป็นแม่ทราบว่า ตนเองไม่สามารถออกไปทำงานได้เพราะต้องคอยดูแลลูกอยู่ตลอดเวลา ภาระในการหาเงินเลี้ยงครอบครัวจึงตกเป็นของนายซึม ศรีสุข ซึ่งเป็นสามีที่มีอาชีพซื้อปลาจากแพปลาน้ำจืดใน อ.พานทอง มาทำปลาเค็มขายตามตลาด

โดยที่รายได้ต่อวันอยู่ที่ 300-400 บาท แต่ยังไม่พอกับค่าใช้จ่ายในการรักษาลูกชายที่ประมาณวันละ 800 บาท ทำให้ครอบครัวต้องเป็นหนี้มากถึง 40,000 บาท

นางลำพึง ยังบอกอีกว่า ตนเองมี “น้องบิ๊กจิ๋ว” ด้วยวัย 43 ปี ส่วนสามีอายุ 57 ปี และด้วยอายุที่มากด้วยกันทั้งคู่จึงทำให้คลอดลูกเมื่อตั้งครรภ์ได้เพียง 7 เดือน จึงน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกน้อยมีอาการไม่สมประกอบ และยังป่วยด้วยโรคหัวใจสีเขียว วันนี้จึงอยากให้หน่วยงานหรือผู้ใจบุญช่วยพาลูกน้อยไปรักษากับแพทย์เฉพาะทางด้วย หวังให้ลูกหายเป็นปกติ


ด้าน นายซึม พ่อของ “น้องบิ๊กจิ๋ว” บอกว่าตนเองป่วยด้วยโรคหัวใจจึงไม่สามารถไปทำงานไกลๆ ได้ ทำได้เพียงทำปลาเค็มขายเลี้ยงชีพ และมีเบี้ยคนพิการช่วยอีกเดือนละ 1,000 บาท แต่ยังไม่พอกับค่าใช้จ่าย

ทุกวันนี้แม้จะรู้สึกท้อแต่ยังต้องสู้ต่อเพื่อลูก จึงอยากขอความเห็นใจจากผู้มีจิตศรัทธายื่นมือช่วยเหลือลูกชายเพื่อได้มีชีวิตอยู่ไปนานๆ พร้อมวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เข้ามาช่วยเหลือ






กำลังโหลดความคิดเห็น