แม่ฮ่องสอน - นักท่องเที่ยวหนุ่มชาวรัสเซียสติแตกใช้ก้อนหินบุกพังธนาคารกรุงเทพสาขาเมืองปายเสียหาย แถมพบวีซ่าหมดอายุซ้ำ เจอแจ้งจับหลายข้อหา
หลังมีการเผยแพร่คลิปนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติบุกเข้าทุบทำลายธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาปาย จ.แม่ฮ่องสอน ได้รับความเสียหายอย่างหนักแล้วยังเข้าไปทำลายข้าวของภายในธนาคารด้วย ซึ่งขณะนั้นมีชาวบ้านมาพบเหตุได้พยายามถ่ายคลิปไว้ได้อย่างชัดเจน เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมานั้น ได้กลายเป็นที่โจษจันของชาวบ้านอย่างกว้างขวางว่านักท่องเที่ยวรายนี้กระทำการโดยไม่ยำเกรงกฎหมายไทย
ล่าสุดเช้าวันนี้ (2 มิถุนายน 2565) นางสาวสุทธิพร บุญตันกัน ผู้ได้รับมอบหมายจากธนาคารฯ ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรปาย ให้ดำเนินคดีต่อ นายเคนท์ ดักลาส (Mr. Kent Douglas)
โดยกล่าวหา เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2565 เวลาประมาณ 19.14 น. นายเคนท์ ดักลาส ( Mr. Kent Douglas ) ได้เข้าไปบุกรุกสำนักงานธนาคารกรุงเทพ สาขาปาย และได้ทำลายทรัพย์สินจนได้รับความเสียหาย ได้แก่ ประตูกระจกนิรภัย ทางเข้า จำนวน 2 บาน, กระจกผนังกั้นนิรภัย จำนวน 4 บาน, หน้าจอคอมพิวเตอร์ จำนวน 3 เครื่อง, เครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 1 เครื่อง, ฉากกั้นหน้าโต๊ะ จำนวน 2 ชุด, เครื่องพรินเตอร์ จำนวน 1 เครื่อง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามหาตัวนายเคนท์ ดักลาส เมเดส ( Mr. Kent Douglas Meades) กระทั่งพบและควบคุมไว้ได้บริเวณถนนสาธารณะหน้า Villa WoLfsbau เบื้องต้นได้ทำการตรวจค้นตัวไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย และตรวจค้นรถจักรยานยนต์คันที่นำมาก่อเหตุ พบก้อนหินจำนวน 25 ก้อน ซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับก้อนหินที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ
สอบสวน นายเคนท์ ดักลาส เมเดส (Mr. Kent Douglas Meades) ยอมรับว่าได้ใช้ก้อนหินที่เก็บมาได้ขว้างปาใส่สำนักงานธนาคารกรุงเทพ สาขาปาย จริง แต่ไม่ยอมบอกเหตุผลหรือเหตุดลใจที่กระทำการในครั้งนี้
เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง ปรากฏว่าหนังสือเดินทาง นายเคนท์ ดักลาส เมเดส (Mr. Kent Douglas Meades) ได้รับการตรวจลงตราประเภท ผ.30 เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2565 และได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรถึงวันที่ 17 เมษายน 2565 จึงทราบว่าเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (อยู่เกิน 48 วัน )
เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ นายเคนท์ ดักลาส เมเดส ( Mr. Kent Douglas Meades) ว่าเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด, บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน และทำให้เสียทรัพย์จึงได้ควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ถือว่าเป็นเหตุแรกหลังจากที่ผ่อนปรนให้เปิดการท่องเที่ยว และเมืองปายก็ไม่เคยเกิดเหตุเช่นนี้มาก่อน ในขณะที่ทางเจ้าหน้าได้เพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยมากขึ้นทันทีหลังเกิดเหตุดังกล่าว