กาญจนบุรี - ผู้ว่าฯ กาญจน์ ประกาศเปิดชายแดนบ้านพุน้ำร้อน สำหรับการเข้าออกของบุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ เริ่มพรุ่งนี้ 1 มิ.ย.65
วันนี้ (31 พ.ค.) นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดกาญจนบุรี ผู้อำนวยการศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจังหวัดกาญจนบุรี ลงนามในประกาศคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 1468/2565 เรื่อง เปิดการใช้ช่องทางสำหรับการเข้าออกของบุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
ประกาศคำสั่งระบุว่า ตามอนุสนธิคำสั่งจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 1191/2563 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2563 เรื่อง การระงับการเดินทางเข้าออกของบุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ ณ จุดผ่านแดนถาวร จุดผ่อนปรนสินค้า และช่องทางอื่นๆ ตลอดแนวชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี เป็นการชั่วคราว และคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 1295/2563 ลงวันที่ 26 มีนาคม 2563 เรื่อง ขอขยายเวลาการป้องกันการแพร่ของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (CORONAVIRUS DISEASE 2019 โควิด-19) ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี (เพิ่มเติม ครั้งที่ 4) นั้น
กระทรวงมหาดไทยแจ้งว่า นายกรัฐมนตรีได้ลงนามในคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 9/2565 เรื่อง แนวปฏิบัติ ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 25) ลงวันที่ 29 เมษายน 2565 และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 44) ลงวันที่ 29 เมษายน 2565 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศทางบกผ่านจุดผ่านแดนถาวร ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป
โดยให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและหลักเกณฑ์การดำเนินการในสถานที่กักกันซึ่งทางราชการกำหนดสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร 3 ประเภท ได้แก่ (1) ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งแสดงหลักฐานหรือเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบตามเกณฑ์ที่ผู้ผลิตวัคซีนหรือที่ทางราชการกำหนด (Vaccinated Persons)
(2) ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งมิได้แสดงหลักฐานหรือเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบตามเกณฑ์ที่ผู้ผลิตวัคซีนหรือที่ทางราชการกำหนด (Unvaccinated/Not FullyVaccinated Persons) และ (3) ผู้มีเหตุยกเว้นหรือเป็นกรณีที่นายกรัฐมนตรีหรือหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินกำหนด อนุญาต หรือเชิญให้เข้ามาในราชอาณาจักรตามความจำเป็น
ดังนั้น เพื่อให้การเดินทางเข้าราชอาณาจักรเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เป็นไปตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 9/2565 และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 44) ลงวันที่ 29 เมษายน 2565
อาศัยอำนาจตามมาตรา 22 และ 35 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และข้อ 7 (1) ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2563 และข้อ 5 ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 11) ลงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2563 ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ.2559 เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติในการพิจารณาการเปิด ระงับหรือปิดจุดผ่านแดนประเภทต่างๆ
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดกาญจนบุรี โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี จึงมีคำสั่ง ดังนี้
ข้อ 1 ยกเลิกความในคำสั่งจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 1191/2563 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2563 เรื่อง การระงับการเดินทางเข้าออกของบุคคลยานพาหนะ และสิ่งของ ณ จุดผ่านแดนถาวร จุดผ่อนปรนสินค้าและช่องทางอื่นๆ ตลอดแนวชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี เป็นการชั่วคราว เฉพาะข้อ 1.1 นอกจากนั้นให้เป็นไปตามคำสั่งเดิมทุกประการ
ข้อ 2 เปิดการใช้ช่องทางสำหรับการเข้าออกของบุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โดยผู้ที่เดินทางสัญชาติไทยให้แสดงหลักฐานหรือเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และแสดงผล Professional ATK หรือ RT - PCR สำหรับสัญชาติอื่นๆ ให้แสดงหลักฐาน หรือเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และแสดงผล Professional ATK หรือ RT - PCR เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น โดยต้องได้รับการฉีดวัคซีนขั้นต่ำ 2 เข็ม ทั้งนี้ ให้ถือปฏิบัติตามมาตรการแนบท้ายคำสั่งนี้
ข้อ 3 เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วน หากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชน หรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้งตามมาตรา 30 วรรคสอง (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ทั้งนี้ หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ อาจมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข้อ 4 คำสั่งใดขัดหรือแย้งกับคำสั่งนี้ให้ใช้คำสั่งฉบับนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2565