xs
xsm
sm
md
lg

หอการค้าอุบลฯ หารือเจ้าแขวงจำปาสัก เร่งกระตุ้นการค้า-ท่องเที่ยวผ่านด่านช่องเม็ก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อุบลราชธานี - หอการค้าจังหวัดอุบลราชธานีรุดหารือเจ้าแขวงจำปาสัก สปป.ลาว ร่วมมือกระตุ้นการค้าชายแดนทั้งสองประเทศที่เงียบเหงามากว่า 2 ปี ชูเส้นทางส่งสินค้าออกทะเล ไปประเทศที่สามใกล้สะดวกกว่าชายแดนจุดอื่น สานแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ วัฒนธรรมท้องถิ่นและภาษาที่พูดเหมือนกัน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมงคล จุลทรรศน์ ประธานหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี นำคณะผู้แทนหอการค้า สภาอุตสาหกรรม การค้า การท่องเที่ยวของจังหวัด เข้าหารือกับ ดร.วิไลวง บุดดาคำ เจ้าแขวงจำปาสัก สปป.ลาว เพื่อร่วมมือกระตุ้นการค้าขายชายแดนระหว่างไทย ลาว ที่ยังเงียบเหงาจากการปิดด่านไปมาระหว่างกันเป็นเวลานานกว่า 2 ปี

ดร.วิไลวง บุดดาคำ เจ้าแขวงจำปาสัก เสนอว่า ทั้งสองฝ่ายควรเป็นศูนย์โลจิสติกส์ส่งสินค้าออกไปยังประเทศที่สาม เพราะขณะนี้ลาวมีถนนเชื่อมจากจังหวัดอุบลราชธานี ผ่านแขวงจำปาสัก ไปยังด่านแขวงเซกอง ที่เข้าสู่ท่าเรือเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ซึ่งไปมาได้สะดวกและมีระยะทางใกล้กว่าผ่านด่านที่จังหวัดมุกดาหาร จะทำให้แขวงจำปาสักและจังหวัดอุบลราชธานีเป็นศูนย์การขนส่งออกทางทะเลในภูมิภาคนี้ได้อย่างสบาย

หอการค้าจังหวัดอุบลราชธานีเห็นด้วยและสนับสนุนแนวความคิดของเจ้าแขวงจำปาสัก ขณะเดียวกันทางหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี ได้เชิญฝ่ายลาว จัดนางรำเข้ามาร่วมแสดงวัฒนธรรมในงานประเพณีแห่เทียนพรรษาประจำปี 2565 ในเดือนกรกฎาคมที่จะถึง เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น


ด้านนายมงคล จุลทรรศน์ ประธานหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า แขวงจำปาสัก เป็นประตูหน้าด่านของประเทศลาวตอนใต้ แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางผ่านด่านช่องเม็กเข้าไปท่องเที่ยว สัมผัสความเป็นธรรมชาติของลาวในช่วงเทศกาลสำคัญๆ ปีหนึ่งมีมูลค่าหลายร้อยล้านบาท

แต่หลังเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้การค้าขายและการท่องเที่ยวทั้งสองฝ่ายเกิดการหยุดชะงักเป็นเวลานาน เมื่อทางการไทยเปิดด่านค้าขายระหว่างกันเมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา หอการค้าจังหวัดอุบลราชธานีจึงเข้าหารือและขอทราบความเห็นของฝ่ายลาว เพื่อนำมาปฏิบัติให้สอดคล้อง และเกิดประโยชน์ต่อนักลงทุนทั้งสองฝ่าย เพื่อกระตุ้นการค้าขายและการลงทุนชายแดนที่เงียบเหงามานาน




ประธานหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวต่อว่า การเข้าหารือครั้งนี้ ท่านเจ้าแขวงจำปาสักให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ทั้งเรื่องการขนส่งสินค้า การท่องเที่ยวที่มีมูลค่าสูง การปิดด่านไป 2 ปี ทำให้มีความกังวลเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว เรื่องการอำนวยความสะดวกต่างๆ เรื่องด้านสาธารณสุข มีความพร้อมหรือไม่ ปรากฏว่าทางฝ่ายลาวมีความพร้อมในทุกด้าน โดยเฉพาะเรื่องโรคระบาด ฝ่ายลาวมีการถอดมาสก์กลับมาใช้ชีวิตปกติ เพราะประชากรได้รับวัคซีนกันครบหมดแล้ว

จึงเชื่อว่า “การที่ท่านเจ้าแขวงให้ความสำคัญในทุกประเด็น ทุกมิติทั้งเรื่องการค้าขาย การท่องเที่ยว และวัฒนธรรมที่จะมีการแลกเปลี่ยนระหว่างจำปาสักกับอุบลราชธานี รวมทั้งการสาธารณสุขที่มีการผ่อนคลาย จะทำให้เศรษฐกิจของสองประเทศในภูมิภาคนี้จะกลับมาคึกคัก มีเศรษฐกิจดีร่วมกัน เพราะนอกจากมีชายแดนติดกัน ก็ยังพูดภาษาเดียวกันด้วย”


กำลังโหลดความคิดเห็น