อุบลราชธานี - เปิดด่านช่องเม็กได้แค่ 2 วัน เจ้าหน้าที่สกัดจับขบวนการส่งพันธุ์ทุเรียน 6,500 ต้นออกไปลาว มูลค่าร่วม 1.3 ล้านบาท เจ้าตัวอ้างหน้าตาย ไม่รู้ว่าเป็นพันธุ์พืชต้องห้ามส่งออกต่างประเทศ จึงยึดของกลางและดำเนินคดีต่อคนขับรถข้อหาส่งออกพืชสงวนโดยไม่ได้รับอนุญาต
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 25 พ.ค. นางสาวกันติศา ตุลาคม เจ้าพนักงานการเกษตรชำนาญงาน ด่านตรวจพืชช่องเม็ก ร่วมกับนายวัลลภ ซุ่ยรักษา นายด่านศุลกากรช่องเม็ก นายสาธร สีแก้วเขียว หัวหน้าฝ่ายควบคุมและตรวจสอบศุลกากร ด่านช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ตรวจค้นรถกระบะอีซูซุ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน ผข 715 อุบลราชธานี บรรทุกต้นพันธุ์ทุเรียนหมอนทองมาเต็มคัน เพื่อจะเดินทางข้ามด่านช่องเม็กไปยังฝั่งประเทศลาว มีนายณรงค์ศักดิ์ สีชะนะ อายุ 21 ปี ชาวจังหวัดอุบลราชธานี เป็นคนขับ
เมื่อตรวจสอบบริเวณท้ายกระบะที่ใช้ผ้าสแลนคลุมทับ พบต้นพันธุ์ทุเรียนหมอนทองจำนวน 6,500 ต้น ราคาต้นละ 200 บาท คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,300,000 บาท เตรียมจะเข้าไปที่ด่านเพื่อส่งออกไปด่านวังเตา เมืองโพนทอง แขวงจำปาสัก แต่เจ้าหน้าที่สืบทราบจึงเข้ามาสกัดจับไว้ได้
จากการสอบถามนายณรงค์ศักดิ์ คนขับรถเล่าว่า ได้รับการว่าจ้างจากญาติ 300 บาทให้มาขับรถเพื่อนำสินค้าส่งข้ามไปที่ด่านพรมแดนฝั่งประเทศลาว โดยช่วงเที่ยงได้นำรถมาจอดที่ปั๊มน้ำมันในตำบลคำเขื่อนแก้ว อ.สิรินธร เพื่อรับสินค้าเป็นต้นพันธุ์ทุเรียนจากรถที่นำมาส่ง โดยนายณรงค์ศักดิ์ไม่ทราบเป็นสินค้าห้ามส่งออก
หลังทำการขนถ่ายพันธุ์ทุเรียนขึ้นมาไว้บนรถ และขับเข้ามาที่ด่าน เพื่อจะทำเอกสารขอผ่านแดน ก็ถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาล้อมรถ พร้อมแจ้งให้ทราบว่าเป็นของผิดกฎหมาย ทั้งของศุลกากร และของด่านตรวจพืช จึงยินยอมให้เจ้าหน้าที่ยึดพันธุ์ทุเรียนทั้งหมด พร้อมรถที่ใช้ขนส่ง และยอมให้เปรียบเทียบตามความผิดของด่านตรวจพืช คือ ส่งออกพืชสงวนโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับ 4,000 บาท
สำหรับต้นพันธุ์ทุเรียนทั้งหมด เมื่อนำส่งข้ามแดนไปที่ด่านวังเตา เมืองโพนทอง สปป.ลาวแล้ว จะมีรถบรรทุกของลาวมารับช่วงต่อ เพื่อนำไปปลูกที่เมืองปากซอง แขวงจำปาสัก ซึ่งมีอากาศดี ดินดีเป็นแหล่งปลูกเมล็ดกาแฟ และพืชอื่นๆ หลายชนิดของลาว โดยต้นพันธุ์ทุเรียนที่ยึดได้ทั้งหมดสามารถนำไปปลูกได้กว่า 100 ไร่