xs
xsm
sm
md
lg

ธุรกิจ "เครืออัศวรรณ" ยิ้มรับเปิดประเทศเงินสะพัดหนองคาย ทั้งการค้าและท่องเที่ยว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนองคาย - ธุรกิจในกลุ่มอัศวรรณหนองคายชี้เปิดประเทศเปิดด่านพรมแดนหนองคายช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีเงินสะพัดในตลาดเพิ่มมากขึ้น ยอดค้าขายสูงกว่าช่วงปิดประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจอาหารและบริการกำลังไปได้ดี ขณะที่การท่องเที่ยวเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น ชี้รถไฟความเร็วสูงลาว-จีนดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างมาก และจะขาไปหรือขากลับต้องแวะพักใช้จ่ายที่หนองคาย


นายอนุชิต สกุลคู กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจอัศวรรณ จ.หนองคาย เปิดเผยว่า ช่วงที่มีการปิดด่านจากสถานการณ์โควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจในกลุ่มอัศวรรณ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าอัศวรรณ โรงแรมอัศวรรณ ได้ถือโอกาสทำการรีโนเวตในหลายส่วน เช่น ทำศูนย์อาหารใหม่ ปรับปรุงห้องพักโรงแรม ปรับปรุงเตรียมความพร้อมด้านการบริการให้ได้มาตรฐานมากที่สุด ซึ่งหลังจากที่รัฐบาลไทยและสปป.ลาวอนุญาตให้ประชาชนทั้งสองประเทศสามารถเดินทางข้ามแดนผ่านด่านสากลได้เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งคนลาวส่วนใหญ่นิยมเดินทางเข้าประเทศไทยทางด่านพรมแดนหนองคาย

แม้ว่าในช่วงแรกๆ ที่อนุญาตเปิดด่านจะติดขัดปัญหาบางประการ โดยเฉพาะด้านเอกสารอยู่บ้าง แต่ขณะนี้เริ่มดีขึ้น ลูกค้าชาวลาวเข้ามาใช้บริการธุรกิจในกลุ่มอัศวรรณอย่างต่อเนื่อง เมื่อเปิดประเทศก็สามารถให้บริการลูกค้าได้ทันทีทั้งสินค้าและบริการ

“2 ปีที่ผ่านมาธุรกิจได้รับผลกระทบมาก เพราะมากกว่าร้อยละ 50 เป็นลูกค้าชาวลาวที่เข้ามาใช้บริการ ส่วนธุรกิจของกลุ่มอัศวรรณที่ลาวเองก็ได้รับผลกระทบจากค่าเงินกีบของลาวผันผวนก็ส่งผลกระทบต่อธุรกิจถ้ามีการชำระเงินเป็นสกุลเงินบาทหรือสกุลดอลลาร์ก็จะติดขัดบ้าง” นายอนุชิตกล่าว




อย่างไรก็ตาม ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาธุรกิจด้านการท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นคนลาวเข้ามาเที่ยวในหนองคาย หรือคนหนองคายไปเที่ยวที่ลาว เริ่มส่งสัญญาณที่ดีขึ้น โดยเฉพาะความต้องการใช้บริการรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน บ่อเต็น จุดแวะพักที่หลวงพระบาง สปป.ลาว คนไทยต้องการใช้บริการรถไฟความเร็วสูงเข้าไปท่องเที่ยวในลาวมากขึ้น การที่เงินกีบอ่อนลงจะทำให้คนไทยอยากไปท่องเที่ยว ซึ่งก่อนจะข้ามไปเที่ยวเวียงจันทน์ ส่วนใหญ่จะเข้ามาพักในหนองคาย มีการจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่มากขึ้น

ล่าสุดมีกรุ๊ปทัวร์หลายกรุ๊ปจองห้องพักที่หนองคายไว้ คนลาวที่เดินทางเข้ามาในไทยช่วงนี้มีอำนาจในการจับจ่ายใช้สอยและซื้อสินค้าบริการค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นฟาสต์ฟูด อินเตอร์ฟูด เช่น เคเอฟซี ชาบูชิ เหล่านี้มียอดขายเพิ่มขึ้นเท่าตัว เห็นชัดเจนว่าก่อนจะเปิดประเทศ ร้านชาบูชิจะมียอดขายประมาณวันละ 60,000 บาท แต่พอเปิดให้คนลาวเข้ามาได้ ทำให้ยอดขายประมาณวันละ 100,000 กว่าบาท ทำให้มั่นใจว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเกิดเม็ดเงินสะพัดในพื้นที่นับจากนี้ไปได้อย่างแน่นอน

ขณะที่ระบบโลจิสติกส์หลายแห่งที่กำลังก่อสร้าง เช่น ถนนสายหนองคาย-อุดรธานี รองรับการนำเข้าส่งออกสินค้า ก็ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาลว่าจะเน้นการนำเข้าหรือส่งออกเพื่อให้เกิดเงินหมุนเวียน มีหลายบริษัทโลจิสติกส์เข้ามาตั้งบริษัทในพื้นที่จังหวัดหนองคายเพื่อรองรับการกระจายตัวของภาคการนำเข้าส่งออก


นายอนุชิตกล่าวอีกว่า ขณะนี้มีคนลาวจำนวนมากนับหมื่นคนทำเอกสารบอร์เดอร์พาส บัตรผ่านแดนชั่วคราว เพื่อจะได้เดินทางเข้ามาในหนองคายได้ ซึ่งต้องรอให้เจ้าหน้าที่ทางการลาวดำเนินการอนุญาตเป็นรายๆ ไป เชื่อว่าหากร่นระยะเวลาการทำเอกสารบอร์เดอร์พาสให้กับคนลาว หรือทำได้เร็วขึ้น จากที่ใช้เวลา 3-5 วัน เป็น 1-2 วัน ก็จะทำให้สามารถเดินทางเข้ามาในไทยได้สะดวกรวดเร็วกว่าเดิม เงินก็จะสะพัดในพื้นที่มากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและอำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐ

“หลังจากนี้หากคนลาวเดินทางได้สะดวกคล่องตัวเหมือนช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด ที่มีคนลาวเดินทางเข้าประเทศไทยไม่ต่ำกว่าวันละ 1,000 คน ยิ่งในช่วงเทศกาลก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 5,000-10,000 คน จะช่วยทำให้เศรษฐกิจของทั้งสองประเทศดีขึ้น” เอ็มดีกลุ่มธุรกิจอัศวรรณ จ.หนองคายกล่าว





กำลังโหลดความคิดเห็น