บุรีรัมย์ - อดีตผู้รับเหมาเพิ่งบวชเป็นพระลูกวัดแห่งหนึ่งที่บุรีรัมย์ พร้อมอดีตภรรยา และลูกสาว นำหลักฐานสัญญาซื้อขายที่ดิน พร้อมคลิปการจ่ายเงินร้องขอความเป็นธรรม อ้างถูกหลอกซื้อที่ดินจ่ายเงินแล้ว ผ่านไป 3 ปีกว่ายังไม่โอนให้แถมถูกบีบให้ออกจากที่ อีกฝ่ายโต้ไม่ได้โกง ยังจ่ายเงินไม่ครบตามที่ตกลงทั้งยังมีหนี้สินที่กู้ใช้ด้วยกันยังไม่ได้เคลียร์
วันนี้ (25 พ.ค.) พระสุเมศ อายุ 53 ปี พระสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในตำบลกลันทา อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเพิ่งบวชเป็นพระเมื่อช่วงปลายเดือน ก.พ. 2565 ที่ผ่านมา พร้อมด้วย นางจิรัญญา แจ่มแจ้ง อายุ 48 ปี อดีตภรรยา และนางสุมาลี อายุ 30 ปี ลูกสาวคนโต ได้นำเอกสารหลักฐานหนังสือสัญญาซื้อขาย และคลิปการจ่ายเงินให้แก่เจ้าของที่ดินที่ตกลงซื้อขายกัน ออกมาร้องขอความเป็นธรรม กรณีซื้อขายที่ดินจ่ายเงินแล้วเจ้าของที่ไม่ยอมโอนที่ดินให้
พระสุเมศให้ข้อมูลว่า เมื่อก่อนเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ส่วนอดีตภรรยาทำอาชีพค้าขายตามตลาดคลองถมอาศัยอยู่ที่ จ.นครราชสีมา พอเห็นเขาประกาศขายที่ดินใน ต.กลันทา อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นที่สวนจึงสนใจเพราะกะจะมาปลูกสร้างบ้านและทำสวนให้ภรรยา และลูกๆ นำผลผลิตไปขาย ตอนแรกก็คุยกันทางโทรศัพท์เจ้าของที่ดินตกลงจะแบ่งขายให้ จากนั้นวันที่ 2 ก.พ. 2562 ได้เดินทางมาดูที่ดิน และตกลงทำสัญญาซื้อขายที่ดินกับนายยงยุทธ โกศล พ่อค้าร้านของชำซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าว อยู่ในหมู่บ้านโคกเพชร จำนวน 2 ไร่ โดยตกลงซื้อขายกันในราคาไร่ละ 200,000 บาท รวม 2 ไร่ เป็นเงิน 400,000 บาท ซึ่งมีการทำสัญญาซื้อขายระหว่างทั้งสองฝ่าย โดยมีผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านอีกคนเซ็นเป็นพยานในการซื้อขายที่ดินดังกล่าวด้วย โดยได้มีการโอนเงินมัดจำให้กับเจ้าของที่ดินในวันทำสัญญา 2 ก.พ. 62 จำนวน 30,000 บาท
พอโอนเงินมัดจำให้แล้วเจ้าของที่ดินถึงบอกว่าที่ดินแปลงนี้ ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมด 7 ไร่ 2 งาน 38 ตารางวา ยังติดจำนองกับนายทุนอยู่ 180,000 บาท แต่จะแบ่งขายให้ 2 ไร่ แต่ต้องจ่ายเงินให้ก่อนเพื่อจะได้นำเงินไปไถ่ถอนที่ดินจากนายทุน ด้วยความที่อยากได้ที่ดินเพื่อสร้างบ้านอยู่อาศัยกับภรรยา และลูกๆ จากนั้นวันที่ 3 ก.พ. 62 ได้นำเงินสดไปจ่ายให้กับเจ้าของที่ที่กระท่อมในที่ดินที่ตกลงซื้อขายกัน อีกจำนวน 100,000 บาท แล้วจ่ายงวดที่ 4 และงวดที่ 5 จนครบ 250,000 บาท
แต่ครอบครัวไม่มีเงินที่จะจ่ายอีก จึงมีการพูดคุยกับเจ้าของที่ว่าจะขอซื้อแค่ 1 ไร่ 1 งานตามจำนวนเงินที่จ่ายไปแล้ว จึงขอให้โอนที่ดินให้แค่ 1 ไร่ 1 งานเท่านั้น เพราะจริงๆ ก็ต้องการที่ดินแค่ 1 ไร่ แต่เจ้าของขอร้องให้ซื้อ 2 ไร่ 2 งาน แต่จนถึงขณะนี้ผ่านไป 3 ปีกว่าแล้ว เจ้าของที่ดินก็ไม่ยอมโอนที่ให้สักที ที่ผ่านมาให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยเป็นคนกลางในการพูดคุยไกล่เกลี่ยกัน แต่ไม่สามารถตกลงกันได้
ช่วงปลายเดือน ก.พ. 2565 นายสุเมศ ผู้เป็นพ่อ จึงตัดสินใจบวชเป็นพระ เพราะเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งคิดว่าอาจจะมีเวรกรรมอะไรต่อกัน จึงตั้งใจบวชแก้กรรม โดยให้ภรรยาและลูกๆ ดำเนินเรื่องกันต่อ แต่ล่าสุดทางเจ้าของที่ดินกลับพยายามบีบให้ภรรยา และลูกๆ ออกจากที่ดิน โดยการนำเหล็กมาปิดทางเข้า-ออก ตัดมิเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน จึงจำเป็นต้องออกมาร้องขอความเป็นธรรม
พระสุเมศบอกว่า ตอนนี้ครอบครัวไม่อยากได้ที่ดินดังกล่าวแล้วเพราะมีปัญหามาก หากเจ้าของที่อยากให้ออกก็พร้อมจะออก แต่ขอเงินที่จ่ายค่าซื้อที่ไปคืน 200,000 บาท เพื่อที่อดีตภรรยา และลูกจะได้ไปหาที่อยู่ใหม่ ส่วนตนตั้งใจจะบวช และธุดงค์ไปเรื่อยๆ เพราะจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่อยากยุ่งกับทางโลกแล้ว
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถาม นายยงยุทธ โกศล อายุ 73 ปี เจ้าของที่ดิน บอกว่า มีการตกลงซื้อขายที่ดินกับพระสุเมศจริง จำนวน 2 ไร่ 2 งาน แต่ไม่ได้มีการทำสัญญาซื้อขาย มีแค่เซ็นเป็นหลักฐานว่ามีการจ่ายเงินกันเท่านั้น ซึ่งฝั่งพระสุเมศจ่ายเงินมาแล้ว 250,000 บาท แต่ตกลงซื้อขายกันในราคา 500,000 บาท ยังเหลือ 250,000 บาทเขายังจ่ายไม่ครบตามที่ตกลงจึงยังไม่โอนที่ให้
อีกทั้งทางฝั่งพระสุเมศยังมีหนี้สินที่บอกให้ตนเองนำโฉนดไปกู้ยืมกับนายทุนจำนวน 150,000 บาท โดยตนนำมาใช้ 90,000 บาท ส่วนฝั่งพระสุเมศเอาไป 60,000 บาท แล้วรับปากว่าจะเป็นคนรับผิดชอบจ่ายดอกเบี้ยเองทั้งหมด แต่หลังจากกู้มาไม่มีการนำเงินไปจ่ายคืนนายทุนทั้งต้นและดอกเบี้ยเลย จนล่าสุดนายทุนให้ทนายส่งหนังสือมาทวงหนี้แล้ว
ทั้งนี้ยังมีการทำข้อตกลงต่อหน้าผู้ใหญ่บ้านว่าจะรื้อย้ายของออกจากที่ดินของตนเอง โดยได้จ่ายเงินค่ารื้อถอนไปแล้ว 10,000 บาท เหลืออีก 10,000 บาท จะจ่ายให้ตอนย้ายของออก ยืนยันว่าไม่ได้โกงแต่อีกฝ่ายไม่ทำตามที่ตกลง ซึ่งตนพร้อมที่จะพูดคุยตกลงกันแต่หากอีกฝ่ายไม่คุยก็ว่ากันไปตามกฎหมาย