เชียงใหม่-สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ แม่ริม บรรยากาศท่องเที่ยวคึกคักช่วงวันหยุดยาว นทท.สุดประทับใจเดินทอดน่องบนเรือนยอดไม้ (CANOPY WALKS) สูงกว่า 20 เมตร ระยะทางกว่า 400 เมตร ชื่นชมธรรมชาติ และตื่นตาตื่นใจกับกลุ่มอาคารเรือนกระจกรวบรวมหลากหลายพรรณไม้สวยงามและหายาก ทั้งไม้พื้นเมืองประจำถิ่นและต่างประเทศ
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ในช่วงวันหยุดยาวระหว่างวันที่ 13-16 พ.ค.65 ที่สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ บรรยากาศการท่องเที่ยวเป็นไปอย่างคึกคัก โดยนักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างกันเที่ยวชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีให้เลือกชมสวนได้หลายเส้นทาง และกลุ่มอาคารเรือนกระจกซึ่งรวบรวมชนิดพรรณพืชที่มีความหลากหลายทั้งพรรณไม้พื้นเมืองประจำถิ่นและพรรณไม้จากต่างประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินเล่นและถ่ายภาพที่ระลึกบนเรือนยอดไม้ หรือ CANOPY WALKS ที่สูงกว่า 20 เมตร และระยะทางเดินยาวกว่า 400 เมตร ให้นักท่องเที่ยวเดินทอดน่องชมธรรมชาติ และสรรพสิ่งในป่าดิบแล้ง-ป่ามรสุมเขตร้อน พืชพรรณไม้ นก และผีเสื้อ เหนือยอดไม้ ซึ่งใช้งบประมาณก่อสร้างกว่า 50 ล้านบาท และเป็นแห่งเดียวในประเทศไทย โดยนับเป็นหนึ่งไฮไลท์ของสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยว
นางสาวปัถวี แสงฉาย ผู้อำนวยการสำนักบริหารองค์การสวนพฤกษศาสตร์ กล่าวว่า สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ มีเนื้อที่ 6,500 ไร่ อยู่เขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย บรรยากาศในช่วงวันหยุดยาวนี้เป็นไปอย่างคึกคัก โดยที่ CANOPY WALKS ถือว่าเป็นไฮไลท์ ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเดินชมและถ่ายภาพกันจำนวนมาก
ขณะเดียวกันมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ มี 4 เส้นทาง ได้แก่ 1. เส้นทางสวนรุกชาติ (Arboretum Trail) เส้นทางนี้ผ่านแปลงรวมพันธุ์กล้วย บอน ปาล์ม เฟิร์น แปลงขิงข่า ปรง และสน ระยะทางประมาณ 600 เมตร ,2. เส้นทางพันธุ์ไม้ไทยและพืชสมุนไพร เส้นทางนี้เป็นแหล่งรวบรวมพรรณไม้ไทยไว้กว่า 1,000 ชนิด,3. เส้นทางวลัยชาติ (Climber Trail) ชาติ หรือ ไม้เลื้อย คือ พรรณไม้ที่ต้องการสิ่งที่อาศัยสิ่งยึดเกาะ (supporter) อื่นๆ และ 4. เส้นทางน้ำตกแม่สาน้อย-สวนหิน-เรือนรวมพันธุ์กล้วยไม้ไทย (Waterfall Trail) เป็นเส้นทางเดินเท้าเรียบไปตามห้วยแม่สาน้อย ที่จะพบกับพืชเฉพาะถิ่น มีเรือนรวมพรรณกล้วยไม้ไทยซึ่งมีกล้วยไม้ไทยรวมไว้กว่า 350 ชนิด รวมระยะทางประมาณ 300 เมตร
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มอาคารเรือนกระจก (Glasshouse Complex) ที่ประกอบด้วยเรือนกระจก 12 โรงเรือน ภายในจัดปลูกตกแต่งพรรณไม้ไว้อย่างสวยงาม โดยเฉพาะพรรณไม้หายากและมีความโดดเด่นเป็นพิเศษ เป็นสถานที่ที่นักวิชาการ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ทั้งผู้สูงอายุ และเด็กๆ สามารถเข้าเที่ยวชม เรียนรู้สัมผัสคุณค่า และความงดงามของพรรณไม้ได้ตลอดทั้งปีทุกฤดูกาล
สำหรับ เรือนกระจก เป็นโรงเรือนที่ได้รับการจัดสร้างขึ้น เพื่อให้เป็นสถานที่จัดแสดงพืช ภายในมีการจัดปลูกและตกแต่งด้วยพืชประเภทเดียวกันชนิดต่างๆ ให้อยู่ในสภาพที่ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด สามารถควบคุมความชื้น แสงหรืออุณหภูมิได้ในระดับหนึ่ง ให้ใกล้เคียงกับสภาพธรรมชาติที่พืชต้องการ โดยมีม่านพรางแสงที่ปรับเปิดเลื่อนได้ด้วยมือหมุน และระบบระบายอากาศแบบเรียบง่าย โดยการเปิดกระจกด้านข้างได้ทุกมุมและหลายระดับ พื้นล่างรองไว้ด้วยดินผสมที่มีความลึกถึง 2 เมตร และรองใต้ดินด้านล่างอีกชั้นหนึ่งด้วยท่อระบายน้ำ แบบก้างปลาเพื่อไม่ให้น้ำขัง
ขณะเดียวกันที่น่าสนใจอีกคือ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ แหล่งเก็บรวบรวม สะสมวัตถุที่มีค่า และดำเนินการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับธรรมชาติวิทยา เพื่อการศึกษาและส่งเสริมการเรียนรู้ในเรื่องราวที่เกี่ยวกับโลก ธรณีวิทยา สิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะพืชและสิ่งแวดล้อม ให้แก่เยาวชนและบุคคลทั่วไป โดยมีการจัดแสดงนิทรรศการถาวร 2 เรื่อง ได้แก่ 1.ความหลากหลายทางชีวภาพ 2.มนุษย์กับพรรณพืช และนิทรรศการพิเศษที่หมุนเวียนจัดแสดงทุกปี ถือว่าน่าสนใจอีกจุดหนึ่งด้วย
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมทางโทรศัพท์ 053-841234 และ 053-841023