กาญจนบุรี - ระทึก! ไฟไหม้บ้านเช่า หนุ่มนิรนามวัย 30 ปี ติดอยู่ภายในร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ ชาวบ้านระดมช่วยแต่ไม่ทันถูกไฟคลอกนั่งคุดคู้เสียชีวิตคาห้องพัก
เมื่อเวลา 18.30 น.วันนี้ (10 พ.ค.) ร.ต.อ.ธรรมวัฒน์ สุขีวัฒน์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองกาญจณบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่า เกิดเหตุไฟไหม้บ้านประชาชนที่อยู่ภายในซอยโรงน้ำแข็ง เลขที่ 24/4 ถ.แสงชูโต ต.บ้านใต้ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นจึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมประสานรถดับเพลงเทศบาลเมืองกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์
เหตุเกิดไฟไหม้ในครั้งนี้ นายวสันต์ ภูษิตกาญจนา นายกเทศมนตรีเมืองกาญจนบุรี เดินทางไปสั่งการด้วยตนเอง ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ รวมทั้งเจ้าหน้าที่จราจร สภ.เมืองกาญจนบุรี ต้องคอยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่สัญจรไปมาเนื่องจากซอยดังกล่าวนั้นค่อนข้างแคบ และมีบ้านเรือนประชาชนอยู่อย่างหนาแน่น
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่นำรถดับเพลิง จำนวน 8 คันไปถึง ปรากฏว่าชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงได้ช่วยกันนำถังดับเพลิงมาฉีดพ่นน้ำยาจนเพลิงสงบไปก่อนแล้ว แต่กลุ่มควันยังพวยพุ่งออกมา เจ้าหน้าที่จึงต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ไฟปะทุขึ้นมาอีก
และจากการตรวจสอบภายในตัวบ้านพบมีผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย สภาพศพถูกไฟไหม้ตามร่างกาย ลักษณะนั่งขัดคว่ำหน้ากับพื้นภายในห้องนอน ส่วนประตูหน้าห้อง รวมทั้งเตียงนอนถูกไฟไหม้ทั้งหมด โดยมีหมวกกันน็อกตกอยู่ 1 ใบ สำหรับชายที่ถูกไฟคลอกเสียชีวิตเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 30 ปี ส่วนสาเหตุการเกิดไฟไหม้ในครั้งนี้ยังไม่มีใครทราบเนื่องจากอุปกรณ์ไฟฟ้ายังอยู่ในสภาพปกติ แต่คาดว่าการเกิดไฟไหม้ในครั้งเกิดขึ้นภายในห้องนอนของผู้เสียชีวิต
ทั้งนี้ จากการสอบถามชาวบ้านที่อยู่ใกล้กัน ทราบว่า ผู้เสียชีวิตนั้นมาเช่าห้องดังกล่าวอยู่กับแม่ และน้องชายมานานกว่า 1 ปีแล้ว แต่ไม่มีใครทราบว่าชื่ออะไร เพราะผู้ตายไม่ค่อยมาสุงสิงกับใคร อีกทั้งไม่มีงานทำ วันๆ เอาแต่นอนอยู่ภายในบ้าน ส่วนแม่ไปทำงาน สำหรับน้องชายอายุประมาณ 11 ขวบ ไปเรียนหนังสือ
ก่อนเกิดเหตุชาวบ้านได้ยินเสียงชายคนดังกล่าวร้องขอความช่วยเหลือดังออกมาจากภายในบ้าน และพบไฟกำลังลุกไหม้ ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์จึงช่วยกันนำถังดับเพลิงที่มีอยู่มาช่วยกันฉีดสกัดจนเพลิงสงบ จากนั้นจึงรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ และหากชาวบ้านไม่สามารถช่วยกันสกัดเปลวเพลิงเอาไว้ได้ทัน เชื่อว่าเปลวเพลิงจะลามไปไหม้บ้านเรือนประชาชนเพิ่มอีก เนื่องจากบ้านที่อยู่ติดกันเป็นบ้านไม้สภาพเก่า อายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 30 ปี