xs
xsm
sm
md
lg

อดีตปลัดฯ แฉ-กมธ.ป.ป.ช.สั่งสอบทันที ท่าเถื่อนริมน้ำสายช่องขนของหนีภาษี-ต่างด้าวหนีเข้าเมือง โยงแม่ ส.ส.คนดัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงราย - อดีตปลัดฯ แม่สายแฉกลางที่ประชุม ท่าเถื่อนริมน้ำสายบางแห่งโยงแม่ ส.ส.คนดัง เป็นช่องทางขนของหนีภาษี-คนต่างด้าวเข้าเมือง แลกเก็บค่าหัว-ค่าผ่านทาง พอ กมธ.ป.ป.ช.ตามลงพื้นที่ตรวจสอบเห็นกับตาบางท่าสร้างตึกบังเหมือนล้ำลำน้ำซ้ำ


วันนี้ (9 พ.ค. 65) นายจารึก ศรีอ่อน และนายสุทา ประทีป ณ ถลาง รองประธานคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.ได้ประชุมหารือเรื่องปัญหาชายแดนที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างด้าว ทั้งการทุจริตเรื่องการทำบัตรประจำตัวประชาชน การสวมบัตร การเรียกเก็บเงินค่าทำบัตรจากชาวต่างด้าว ปัญหาที่ดินและอื่นๆ ที่ห้องประชุมที่ว่าการ อ.แม่สาย จ.เชียงราย หลังนำกรรมาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ชายแดนภาคเหนือหลายจังหวัด

โอกาสนี้ นายปรีชา ศรีเพชร อดีตปลัดอำเภอแม่สาย ซึ่งมีบ้านอยู่ในชุมชนติดกับลำน้ำสายชายแดนไทย-เมียนมา ได้เข้ายื่นคำร้องว่าช่วงที่มีการปิดพรมแดนเพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 มีท่าน้ำหลายแห่งที่ติดลำน้ำสายลักลอบขนสินค้า-คนเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย บางแห่งเป็นของแม่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) คนหนึ่งอีกด้วย

นายปรีชากล่าวว่า ที่ผ่านมามีหาผลประโยชน์ผ่านท่าน้ำริมน้ำสายหลายแห่ง เช่น ท่า 18 มงกุฎ ซึ่งมีเจ้าของ 18 คน, ท่าวัดเกาะทราย ที่มีซอยเชื่อมต่อผ่านชุมชน, ท่าเป๊อะหว่าง, ท่าเจ๊ดาว ซึ่งเป็นแม่ของ ส.ส.คนหนึ่ง สภาพพื้นที่เดิมเป็นเวิ้งน้ำแต่ช่วง 2 ปีมานี้กลับมีการปิดล้อมโดยกลุ่มคนดังกล่าว, ท่าป่ากล้วย ที่ถือเป็นท่าที่มีขนาดใหญ่สุดมีการลักลอบขนรถจักรยานยนต์ สุราหนีภาษี และอื่นๆ อย่างคึกคัก รวมทั้งมีการล้อมรั้วพื้นที่เอาไว้แล้วเช่นกัน ฯลฯ

“ปัญหาเรื่องที่ดินติดชายแดนเหล่านี้ผมได้ต่อสู้เรียกร้องมาหลายรัฐบาลแล้ว แต่ปัญหาก็ยังคงมีอยู่ บางท่ามีการสร้างตึกบังด้านหน้า ขณะที่ทางอำเภอและท้องถิ่นกลับไม่มีการดำเนินการใดๆ ผมจึงขอให้มีการดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะเกรงว่าเมื่อมีการเปิดด่านพรมแดนจะทำให้คนทะลักผ่านท่าน้ำเหล่านี้มากขึ้น ตามมาด้วยการเรียกเก็บเงินคนข้ามฝั่งหัวละ 10,000-15,000 บาท ส่วนท่าน้ำในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านก็มีการแบ่งผลประโยชน์กันคนละครึ่ง”

นายปรีชากล่าวอีกว่า ตนอยู่ในพื้นที่ทราบดี อย่างเมื่อเดือน พ.ค. 2564 เห็นคนหอบหิ้วสัมภาระเดินข้ามฟากมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเป็นแถวยาว 15-18 คน ตอนนั้นคิดว่าเป็นขโมยจึงออกไปดู จนเห็นทั้งหมดเดินขึ้นท่าน้ำฝั่งไทย จึงรีบแจ้งตำรวจซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีด้วยการไปถึงพื้นที่ภายใน 5 นาที แต่ปรากฏว่าตำรวจเข้าไปตรวจสอบภายในไม่ได้เพราะเป็นบ้านทำให้คนกลุ่มนี้เดินข้ามน้ำกลับฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอย่างอุกอาจ จากนั้นคนเหล่านี้ก็ลักลอบข้ามมายังฝั่งไทยและไปถูกจับที่ อ.สบปราบ จ.ลำปาง ซึ่งจากการที่ตนได้สอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ทราบว่าสัญญาณโทรศัพท์ของคนหลบหนีกลุ่มนี้มาจากจุดที่ลักลอบข้ามมาดังกล่าวนี้เอง

หลังจากได้รับทราบข้อมูลดังกล่าว คณะกรรมาธิการฯ ได้ร่วมกับหนวยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางไปตรวจสอบท่าน้ำบ้านเกาะทราย ซึ่งพบว่ามีการสร้างอาคารคอนกรีตยื่นลงไปกลางลำน้ำสายที่คับแคบและตื้นเขิน โดยมีซอยเข้าออกเชื่อมกับถนน เช่นเดียวกับฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ที่มีอาคารหนาแน่นในลักษณะเดียวกัน

เบื้องต้นคณะกรรมาธิการฯ ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและนำข้อมูลชี้แจงต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ ร่วมกับบุคคลและผู้แทนที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุมศาลากลาง จ.เชียงราย ในวันพรุ่งนี้ (10 พ.ค.)

ทั้งนี้ ปัจจุบันลำน้ำสาย-ลำน้ำรวก ที่เป็นเขตแดนไทย-เมียนมา ตั้งแต่ อ.แม่สาย-อ.เชียงแสน จ.เชียงราย รวมความยาวก่อนไหลลงสู่แม่น้ำโขงประมาณ 30 กิโลเมตร และที่ผ่านมาพบว่ามีท่าน้ำทั้งที่อยู่ใน-นอกระบบ เรียงรายกันไม่ต่ำกว่า 10 แห่ง เช่น ท่าหัวฝาย ท่าว้า ท่ากำนันส่ง ท่าเจ๊ดาว ท่ากำนันนัย ท่ากะหล่ำ ฯลฯ

และจากความต้องการลักลอบข้ามแดนของแรงงานต่างด้าวและการค้าสินค้าผิดกฎหมาย ทำให้มีความพยายามลักลอบใช้ท่าน้ำต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงที่มีการปิดพรมแดนเพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 มาตลอด 2 ปีกว่าที่ผ่านมา ทำให้เจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง สามารถจับกุมผู้ลักลอบกระทำความผิดได้แล้วหลายครั้ง

ส่วนการลงพื้นที่ชายแดนของคณะกรรมาธิการฯ ครั้งนี้ มีการหารือทั้งเรื่องท่าน้ำเถื่อน การปลูกสร้างอาคารบริเวณท่าน้ำที่อาจใช้ลักลอบขนแรงงานต่างด้าวและสินค้าเถื่อน โดยพุ่งเป้าไปยังท่าน้ำบ้านเกาะทราย หมู่ 7 ต.แม่สาย อ.แม่สาย รวมถึงเรื่องการตรวจสอบสัญชาติไทยของผู้ที่ถูกร้องเรียนด้วย








กำลังโหลดความคิดเห็น