ครูวิทยาลัยเอกชนเมืองแปดริ้วดิ่งอาคารเรียนดับ พี่สาวเผยเครียดถูกบีบหายอดนักเรียน แต่ไม่ติดใจการตาย

ฉะเชิงเทรา - พี่สาวครูวิทยาลัยเอกชนเมืองแปดริ้วไม่ติดใจเหตุน้องสาวดิ่งชั้น 5 อาคารเรียนดับ ขอแค่จากไปอย่างสงบ เผย 2 เดือนก่อนเคยคิดสั้นกินยาฆ่าตัวตาย ยันไม่มีโรคประจำตัว เชื่อถูกบีบหายอดนักเรียนมีส่วนทำคิดสั้น

จากกรณีที่เพจ “อีซ้อขยี้ข่าว” ได้โพสต์เรื่องราวของอาจารย์โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา ที่ถูกบังคับให้หานักเรียนใหม่เข้าเรียนตามยอดจนเกิดความเครียดจากการถูกต่อว่า และเรียกไปด่าให้อับอายหลังไม่สามารถหานักเรียนได้ตามเป้า สุดท้ายจึงตัดสินใจกระโดดชั้น 5 ของอาคารเรียนลงมาเสียชีวิตนั้น
 
วันนี้ (5 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นางกาญจนา ริยะกุล อายุ 65 ปี ชาว อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพี่สาว ของ น.ส.วิลาวัลย์ วชิรกุลสิริพร อายุ 53 ปี ครูวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งกระโดดอาคารเรียนจนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยบอกว่าทางญาติไม่ติดใจในการเสียชีวิตของครูสาว

ส่วนกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าสาเหตุเกิดจากการถูกบีบให้หานักเรียนเข้าเรียนให้ได้ตามเป้านั้น เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวมีส่วนในการคิดสั้น เนื่องจากน้องสาวเป็นสาวโสดและอยู่เพียงลำพังภายในอพาร์ตเมนต์เขตตัวเมืองฉะเชิงเทรา จึงไม่น่าจะมีปัญหาอื่นใด


พร้อมยืนยันว่า ที่ผ่านมาน้องสาวไม่เคยพูดหรือบ่นเรื่องปัญหาภายในวิทยาลัยให้ฟัง ที่สำคัญน้องสาวทำงานที่วิทยาลัยแห่งนี้มานานกว่า 20 ปี และวิทยาลัยยังเป็นเจ้าภาพในการสวดพระอภิธรรมศพเป็นเวลา 3 คืน

“ทาง ผอ.ได้เดินทางมาร่วมในพิธีฌาปนกิจศพที่วัดพงษาราม ต.เกาะขนุน แต่ยังไม่มีการช่วยเหลือหรือสงเคราะห์ในด้านอื่นๆ ยืนยันว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาน้องสาวไม่เคยพูดคุยหรือเล่าปัญหาอะไรให้ฟัง แต่เมื่อประมาณ 2 เดือนก่อนน้องสาวเคยกินยาฆ่าตัวตายมาแล้ว 1 ครั้งแต่โชคดีที่มีคนช่วยไว้ทัน”

และยังบอกอีกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครอบครัวย่อมต้องเสียใจแต่ไม่คิดที่จะเรียกร้องใดๆ เพียงแต่ขอให้ทุกคนสามารถผ่านเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปให้ได้เพราะผู้ตายถือเป็นพี่น้องคนแรกที่เสียชีวิตจากทั้งหมดที่มีด้วยกัน 10 คน จึงตั้งสวดพระอภิธรรมเพียง 3 วันและจัดพิธีปลงศพในวันนี้

นางกาญจนา ยังบอกอีกว่า ขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานราชการที่กำกับดูแลโรงเรียนเอกชนเข้ามาดูแลหรือสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าน้องสาวของตนเองไม่มีโรคประจำตัว เพียงแต่อาจมีอาการเครียดบ้างเท่านั้น ส่วนการตั้งเป้าหรือถูกเร่งรัดให้ทำยอดหานักเรียนใหม่ เชื่อว่าอาจมีส่วนทำให้น้องสาวก่อเหตุดังกล่าวขึ้น