เชียงใหม่ - สาวประเภทสองเชียงใหม่เปิดใจกรณีถูกตร.ทางหลวงตีนโหดที่เป็นพ่อแฟนหนุ่มกระโดดถีบร่วงรถจักรยานยนต์บาดเจ็บจนดั้งจมูกผิดรูปจนอาจต้องศัลยกรรมใหม่ หลังโทรศัพท์ขอให้มาช่วยเคลียร์เหตุทะเลาะกับแฟนหนุ่มและถูกทำร้ายร่างกายทำลายโทรศัพท์ไอโฟน 12 ราคากว่า 4 หมื่นเสียหาย แต่กลับถูกทำร้ายซ้ำ แถมข่มขู่ ยืนยันขอดำเนินคดีถึงที่สุดทั้งพ่อลูก แม้คู่กรณีพยายามขอไกล่เกลี่ย
กรณีเพจชื่อว่า "เจ๊ม้อยv+" โพสต์คลิปจากกล้องวงจรปิดที่มีการทำร้ายร่างกายกัน คลิปช่วงแรกเป็นภาพชายหญิงทะเลาะกันสองคนมีการลงไม้ลงมือกัน ส่วนช่วงท้ายจะเป็นอีกแห่งที่มีชายสองคนขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามา ก่อนที่จะมีชายคนหนึ่งถีบผู้เสียหายจนล้มกลิ้งไปกับพื้น พร้อมข้อความว่า " #อ้างตำรวจทางหลวงเข้ามาทำร้าย กระโดดถีบมา ส่วนแฟนหนุ่มเตะยอดหน้าจนจมูกเสียรูป ผู้ชายไม่ควรทำร้ายผู้หญิงไม่ว่ากรณีใดๆ ควรออกมาชี้แจงให้สังคมรู้ถึงข้อเท็จจริงด้วยค่ะ #เชียงใหม่ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ หนูได้ไปเที่ยวสังสรรค์ที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งกับเพื่อนจนร้านปิด แล้วมีสายเรียกเข้าทางโทรศัพท์ให้ไปรับ "แฟน" อยู่ที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง (แถวสันติธรรม) และได้ไปเจอ "ผู้ชายอยู่กับผู้หญิงคนอื่น" จนมีปากเสียงและทะเลาะกันเนื่องจากผู้ชายเมาแต่มีพลเมืองดีห้ามไว้ จนเรื่องผ่านไป หนูกับแฟนได้ขับรถกลับมาที่หอพักและตลอดทางนั้นหนูได้ถามถึงสาเหตุที่แฟนแอบมาเที่ยวแล้วไม่ได้บอก จนเมาขาดสติและด้วยความที่แฟนเมาและไม่ยอมพูดอะไรเลย หนูใจร้อนตีแฟนไป 1 ที จนทำให้แฟนอาจจะหงุดหงิด เลยมาทำร้ายร่างกายหนู เตะเข้าไปตรงบริเวณใบหน้าจนเลือดออกและหนูก็ได้มีการป้องกันตัว และสู้คืน แล้วก็ยังมาทำลายทรัพย์สิน (โทรศัพท์มือถือ) จนพังเสียหาย พอทะเลาะกันเสร็จ หนูมีการเรียกร้องให้ชดใช้และรับผิดชอบในส่วนที่ทำลายทรัพย์สิน แล้วแฟนก็ได้แนะนำให้โทร.หาพ่อของแฟนซึ่งเป็นตำรวจ ให้พ่อมาคุยและไกล่เกลี่ย ต่อมาพ่อได้มารอที่หน้า ม.ราชภัฏหนูได้ซ้อนท้ายรถแฟนไปหาพ่อของแฟน พอไปถึงเจอหน้าพ่อ หนูได้บอกพ่อแฟนว่า #พ่อคะ ลูกพ่อทำลายข้าวของของหนู หนูขอไกล่เกลี่ยได้ไหมคะ ถ้าไม่ได้ ไปเคลียร์ที่โรงพักก็ได้ค่ะ #หลังจากนั้นพ่อของแฟนได้มาทำร้ายหนูตามในคลิปเลยค่ะ และมีการข่มขู่ฆ่า ทำให้หนูขวัญเสียสะเทือนใจกับเหตุการณ์นี้มากค่ะ และที่หนูออกมาพูดครั้งนี้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมและมาเตือนสติคนหลายๆ คน ที่ได้ดูคลิปนี้ ขอบคุณค่ะ"
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว นายธีรพัฒน์ ผู้เสียหายซึ่งเป็นสาวประเภทสอง ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อแฟนหนุ่ม และพ่อของแฟนหนุ่มซึ่งเป็นตำรวจทางหลวง ในข้อหาทำร้ายร่างกาย หลังจากที่ตนเองมีปากเสียงกับแฟนหนุ่มคือนายพรหมริทิตย์ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2565 เวลาประมาณ 01.26 น. เหตุเกิด ณ หอพักอยู่เย็น ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ได้มี นายพรหมนิทิตย์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ 1 (คบหากับผู้เสียหายเป็นแฟนกันประมาณ 7 เดือน) ได้ทำร้ายร่างกาย สาเหตุมาจากเรื่องหึงหวงส่วนตัว ทั้งนี้ ในระหว่างทะเลาะกัน นายพรหมนิทิตย์ได้มีการปาโทรศัพท์ไอโฟน 12 โปรแมกซ์ ราคาประมาณ 40,000 บาทของผู้เสียหาย เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย และจากการทะเลาะกันก็ทำให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บตามร่างกาย นิ้วมือ และใบหน้าดั้งจมูกถูกเตะด้วยเท้าจนผิดรูปและมีแผลฉีกขาด
หลังจากที่เกิดเหตุ นายพรหมนิทิตย์ได้โทร.บอกพ่อ ทราบชื่อว่านายอุทิตย์ (รับแจ้งจากผู้เสียหายว่าเป็นตำรวจทางหลวง) เพื่อจะมาชดใช้ให้ค่าโทรศัพท์ ต่อมาเวลาประมาณ 01.40 น.วันเดียวกัน ณ หน้าโรงแรมชวาลา ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งพ่อและลูกชายได้เดินทางมาพบผู้เสียหาย จากนั้นได้มีการเจรจาค่าเสียหาย แต่พอผู้เสียหายได้แจ้งกับผู้เป็นพ่อก็ถูกพ่อกระโดดถีบผู้เสียหาย และข่มขู่ต่างๆ นานาจนทำให้หวาดกลัว หลังจากนั้นจึงได้เข้าแจ้งความตีอตำรวจ สภ.ช้างเผือก
ล่าสุดหลังจากที่ตกเป็นข่าวช่วงเช้าที่ผ่านมา นายธีรพัฒน์ ผู้เสียหาย ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่าทางฝั่งผู้ต้องหาได้ติดต่อเข้ามายังผู้เสียหายเพื่อขอเจรจาตกลงไกล่เกลี่ยกันที่ สภ.ช้างเผือกเจ้าของคดี แต่ทางตนเองไม่ยอมเนื่องจากตอนนี้ทางครอบครัวทั้งพ่อและแม่เห็นตนเองบาดเจ็บจึงต้องการที่จะดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ทางฝั่งของตนเองติดต่อขอให้ชดใช้เพียงค่าเสียหายของโทรศัพท์มือถือเท่านั้น ส่วนการบาดเจ็บต่างๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องทะเลาะกันของสองคน แต่กลับมาเจอทำร้ายและข่มขู่ซ้ำ ซึ่งตอนนี้ก็ให้ตำรวจดำเนินการไปตามขั้นตอน แต่ที่ห่วงคือเรื่องของความปลอดภัยของตนเอง ตอนนี้ต้องเปลี่ยนที่อยู่ และแอบซ่อนหวั่นว่าจะถูกติดตาม โดยเฉพาะฝั่งตรงข้ามที่เป็นตำรวจด้วยก็อาจจะมีเรื่องของการใช้อำนาจหน้าที่มาช่วยเหลือทางคดี
ส่วนความสัมพันธ์ของตนเองกับแฟนหนุ่มก่อนหน้านี้ก็ต้องยอมรับว่ารักกัน และคบหาเป็นแฟนกัน แต่ต้องแอบๆ ซ่อนๆ เนื่องจากทางฝั่งครอบครัวของแฟนหนุ่มไม่ยอมรับที่ตนเองเป็นสาวประเภทสอง มาถึงตอนนี้คงต้องตัดใจเลิกรากันเด็ดขาด เรื่องของคดีตอนนี้ก็ได้ไปให้ปากคำเพิ่มเติมแล้ว และต้องไปตรวจร่างกายเพิ่ม เนื่องจากดั้งจมูกที่ทำศัลยกรรมมานั้นเจ็บหนักที่สุด ดั้งจมูกผิดรูป มีร่องรอยฉีกขาด ต้องไปตรวจซ้ำ ซึ่งหากแพทย์ระบุว่าเจ็บหนักอาจจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมที่ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งตนเองก็ต้องทำศัลยกรรมรักษาอีกรอบทั้งๆ ที่ทำมาเสียเงินหมดไปเป็นแสนแล้วด้วย รวมทั้งตอนนี้ตนก็ต้องเสียโอกาสหยุดงานที่ทำซึ่งเป็นทั้งนางแบบอิสระ ทำงานพริตตี้ เอ็มซีต่างๆ ก็ไม่สามารถไปทำงานได้ทั้งจากการบาดเจ็บ และใบหน้าที่ดั้งจมูกผิดรูปไปในตอนนี้และอาจจะต้องรักษาตัวนานหลายเดือน
สุดท้าย อยากให้ตำรวจที่เป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูงมาช่วยดูแลคดี เนื่องจากฝั่งตรงข้ามเป็นถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยากให้มาดูเรื่องของพฤติกรรมที่ทำกับประชาชน ทั้งๆ ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐกลับมีพฤติกรรมที่ใช้ความรุนแรง และยังมีการข่มขู่ถึงขั้นเอาชีวิตด้วยเกรงว่าตนเองกับครอบครัวอาจจะไม่ปลอดภัยเนื่องจากต้องเดินหน้าสู้คดีจนถึงที่สุด