ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “สุวัจน์” ติวเข้มประชุมใหญ่พรรคชาติพัฒนา เชื่อจะมีการเลือกตั้งไม่เกิน 1 ปีนี้ท่ามกลางวิกฤตต่างๆ ของประเทศ เผยนำเสนอทางออกของประทศหลังเลือกตั้ง 7 เรื่องหลัก ระบุเลือกตั้งครั้งหน้าทวงเก้าอี้ ส.ส. เขต 1 เมืองย่าโมกลับคืน ลั่นยึดโคราชเป็นเรือนตาย พร้อมตั้ง กก.ยุทธศาสตร์พรรค 4 ด้าน
วันนี้ (23 เม.ย.) ที่ห้องประชุมลำปลายมาศ โรงแรมแคนทารี่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา พร้อมด้วย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา ได้เป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่สามัญพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) ประจำปี 2565 โดยมีแกนนำคนสำคัญ เช่น พ.อ.วินัย สมพงษ์, นายประสาท ตันประเสริฐ, นายแพทย์ วรรณรัตน์ ชาญนุกูล, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ เลขาธิการพรรคชาติพัฒนา ส.ส.นครราชสีมา เขต 2, นายอุทัย มิ่งขวัญ ผู้จัดการสำนักงานพรรคฯ พร้อมด้วยหัวหน้าศูนย์สาขาพรรคชาติพัฒนาภาคกลาง ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และสำนักงานใหญ่พรรคชาติพัฒนา จ.นครราชสีมา สมาชิกพรรคชาติพัฒนาจากทั่วประเทศมาร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงรวมกว่า 300 คน ทุกคนต่างพร้อมใจสวมเสื้อสีแสดสีประจำพรรคฯ
โดยมีมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวด ทั้งการตรวจคัดกรองก่อนเข้าร่วมประชุม ผู้เข้าร่วมประชุมต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 3 เข็ม การเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ขณะที่นายเทวัญสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวทับด้วยสูท โดยหน้าอกมีรูปหัวใจสีแดง มีตาสองข้าง ความหมายว่า ดวงใจดวงนี้เป็นดวงใจของพรรคชาติพัฒนาที่รักพี่น้องประชาชนชาว จ.นครราชสีมา มอบให้ด้วยหัวใจสีแดง
ทั้งนี้ วาระการประชุมที่สำคัญมีการเสนอให้สมาชิกพรรคให้ความเห็นชอบงบการเงิน รายงานการดำเนินกิจการของพรรค และแก้ไขข้อบังคับพรรค โดยจะมีการปรับปรุงโครงสร้างของพรรค โดยยกเลิกตำแหน่งประธานที่ปรึกษา คณะที่ปรึกษาของพรรค และให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคทั้ง 4 ด้าน ประกอบด้วย คณะยุทธศาสตร์ด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม-ท้องถิ่น-ความมั่นคงของประเทศ และด้านเทคโนโลยีการพัฒนาคุณภาพชีวิต มาทำหน้าที่แทน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพรรคชาติพัฒนาให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ ของโลก และภายในประเทศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อทำงานให้แก่พี่น้องประชาชนและส่วนรวมให้ประสบความสำเร็จ
และให้มีการแต่งตั้งตำแหน่งประธานพรรคโดยให้ที่ประชุมใหญ่ให้ความเห็นชอบ ตำแหน่งประธานพรรคฯเป็นประธานของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ทั้ง 4 ด้าน เพื่อจัดทำนโยบายและข้อเสนอแนะในการบริหารงานของพรรคชาติพัฒนาให้ทันกับการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองและสร้างความอยู่ดี กินดี ให้แก่พี่น้องประชาชน โดยมีหัวหน้าพรรค คือ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เป็นหัวหน้าทั้ง 4 ด้าน
นอกจากนี้ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคได้นำเสนอสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและการเมืองภายใต้หัวข้อ “ทางออกของประเทศภายหลังการเลือกตั้ง” ต่อที่ประชุมสามัญพรรคฯ
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กล่าวว่า ตอนนี้เรื่องการเมืองมีความสำคัญ และตอนนี้พรรคชาติพัฒนาเราคิดว่ากำลังจะมีการเลือกตั้งใหญ่ ซึ่งตนคิดว่าไม่น่าจะเกิน 1 ปีอย่างมากและจะเป็นการเลือกตั้งท่ามกลางวิกฤตต่างๆตามที่ได้เกิดขึ้นในประเทศ ซึ่งพี่น้องประชาชนคงจะฝากความหวังเป็นอย่างยิ่งกับการเมืองว่าใครจะเข้ามาแก้ไขปัญหา ฉะนั้นพรรคฯ เองก็เข้าใจปัญหานี้ และคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการปรับยุทธศาสตร์ ปรับโครงสร้างของพรรคให้สอดคล้องกับสถานการณ์การเมือง เศรษฐกิจและรอบตัวเราตามที่ได้กล่าวข้างต้นไปแล้ว เพื่อให้การเมืองทันสมัย มีคุณภาพ วิสัยทัศน์และมีความพร้อมในการที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาให้แก่พี่น้องประชาชน
ส่วนโครงสร้างที่เราปรับยุทธศาสตร์ใหม่จะมีองค์ประกอบของความเป็นพรรคการเมืองของพรรคฯแข็งแกร่งขึ้น และสามารถที่จะแก้ไขปัญหา สามารถที่จะระดมประสบการณ์ความรู้ความสามารถ และเราตั้งใจที่จะเสริมผู้ที่มีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาประเทศและนักวิชาการต่างๆ มารวมกันอยู่ในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ซึ่งตนคิดว่าหลังการเลือกตั้งความคาดหวังในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศจากระบบการเมืองสูงมากๆ ฉะนั้นพรรคฯ ก็จะต้องเตรียมพร้อมเพื่อให้เราสามารถที่จะตอบสนองและบรรลุเป้าหมายที่พี่น้องประชาชนต้องการ นอกจากนี้ ที่ประชุมให้ตนนำเสนอแนวทางทางออกของประเทศไทยหลังการเลือกตั้งกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
นายสุวัจน์กล่าวอีกว่า เราขอเสนอทางออกของประเทศหลังการเลือกตั้งในนามพรรคชาติพัฒนา มีอยู่ 7 เรื่องที่ควรจะต้องพิจารณาดำเนินการ 1. การดำเนินการกับโควิด-19 การกระตุ้นเศรษฐกิจและการดูแลเรื่องโควิดอย่างต่อเนื่อง 2. การสร้างความทันสมยให้กับประเทศโดยนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ 3. จะต้องสร้างแพลตฟอร์มใหม่ทางด้านระบบเศรษฐกิจของประเทศ อะไรที่เป็นจุดแข็งของประเทศจะต้องเป็นพื้นฐานทางเศรษฐกิจใหม่
4. เรื่องให้ความสำคัญต่อท้องถิ่น สร้างท้องถิ่นให้เข้มแข็ง โดยใช้ อปท.ในการสร้างความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำ 5. การดูแลและสร้างพลังของผู้สูงอายุให้เป็นกำลังของประเทศ 6. เราจะต้องเตรียมมาตรการในการรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะโลกร้อนที่มีผลกระทบมาก ทั้งสิ่งแวดล้อมเศรษฐกิจ กระบวนการอุตสาหกรรม และ 7. แนวทางทางออกของประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับการเมืองที่ทำให้ระบบการเมืองที่สร้างเสถียรภาพ การเมืองที่มีคุณภาพ เป็นการเมืองที่เสียสละ และการเมืองที่ลดความขัดแย้ง เพื่อให้การเมืองสามารถสร้างทางออกให้กับประเทศไทยได้ อันนี้เป็น 7 เรื่องที่พรรคฯ จะนำเสนอ
ส่วนพรรคฯ จะมีแคนดิเดตเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ตนคิดว่ายังมีเวลา ตอนนี้ก็ไปทีละขั้นก่อน ตนคิดว่ามันก็ต้องเป็นไปตามสถานการณ์ ตอนนี้เราปรับโครงสร้างพรรคฯ มีตำแหน่งต่างๆ ใหม่ เมื่อเห็นเวลาสมควรแล้วเราก็ต้องดูว่าใครจะเป็นผู้ที่สมควรเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ อันนี้ไปตามขั้นตอน แต่ว่าพรรคฯ เราเตรียมพร้อมอยู่
สำหรับที่ จ.นครราชสีมาตอนนี้มีการขึ้นป้ายตามริมถนนในตัวเมืองของนายเทวัญ ลิปตพัลลภ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ครั้งหน้าในเขตเลือกตั้งที่ 1 อ.เมืองนครรราชสีมานั้น เรามีพื้นฐานอยู่ที่ เขต 1 อ.เมืองนครราชสีมามานาน คราวที่แล้วเสีย ส.ส.ในเขตนี้ไป เที่ยวนี้พรรคฯ ก็ต้องขอคืน ฉะนั้นต้องหาผู้สมัครฯ ที่ดีที่สุด ที่พร้อมที่สุดในการลงสมัครรับเลือกตั้งที่เขต 1 นี้ แต่ก็ยังไม่สามารถพูดอะไรที่เป็นทางการได้ โดยส่วนตัวของหัวหน้าพรรคฯ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ถือว่าเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ เข้าได้กับทุกฝ่าย มีความเหมาะสมที่จะลงสมัครฯ แต่อันนี้ยังไม่เป็นอะไรที่เป็นทางการ เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกลไกภายในที่เกี่ยวข้องกับระเบียบต่างๆ หรือการคัดสรรให้เป็นไปตามกฎหมายทางการเมือง
ส่วนพื้นที่ จ.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนาต้องได้ ส.ส. กี่คนนั้น ตนเรียนว่าตนเป็น ส.ส.ครั้งแรกจนถึงทุกวันนี้แจ้งเกิดที่โคราช พรรคการเมืองคือพรรคชาติพัฒนาก็เกิดที่โคราช ฉะนั้นตนคิดว่าคนเราเกิดที่ไหนก็อยากจะตายที่นั่น ฉะนั้นตนกับพรรคชาติพัฒนาเมื่อเกิดที่โคราชก็ต้องตายที่โคราช ยึดเอาโคราชเป็นเรือนตาย ฉะนั้นเที่ยวนี้พรรคชาติพัฒนาจะต้องคัมแบ็กเพื่อมาทำงานให้คนโคราช เอาเศรษฐกิจยุคทองกลับมาสู่เมืองโคราชอีกครั้งหนึ่ง นายสุวัจน์กล่าว
