xs
xsm
sm
md
lg

มอดไม้เหิม! โค่นประดู่ยักษ์กลางป่าเชียงดาวเหลือแต่ตอ ตัดทอน-เลื่อยเสร็จสรรพรอขน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - ขบวนการมอดไม้สุดเหิม..จนท.ไล่จับเผ่นกันป่าราบ พบลอบโค่นประดู่ยักษ์อายุหลายร้อยปีกลางป่าเชียงดาวเหลือแต่ตอ 8 ต้นรวด แถมตัดทอนเป็นท่อน-เลื่อยเสร็จสรรพ พบแทรกเตอร์ในจุดเกิดเหตุ พอตามหาเจ้าของถึงบ้านบอกให้ติดต่อทนาย


นายชัยชาญ ศรียงค์ หัวหน้าสำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 3 (ภาคเหนือ) นายสมบูรณ์ พุทธวงศ์ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 1 สืบทราบว่ามีกลุ่มนายทุนจากต่างถิ่นได้ว่าจ้างชาวบ้านในพื้นที่เข้าไปลักลอบตัดโค่นต้นประดู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเชียงดาว เขตอุทยานแห่งชาติผาแดง ซึ่งเป็นป่าอนุรักษ์ป่าต้นน้ำห้วยแม่จาน้อย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จึงเข้าไปทำการสืบสวนเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2565 พบมีมูลความจริงจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

ต่อมา (7 เม.ย. 65) นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า ได้สั่งการให้นายพนัชกร โพธิบัณฑิต ผู้อำนวยการส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 3 (ภาคเหนือ) นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 1-5 ร่วมกับนายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ) เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติผาแดง เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยเชียงดาว, เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติศรีลานนา สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปทส., เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองร้อย ตชด.335 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาหวาย และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ออกตรวจลาดตระเวนป่าต้นน้ำห้วยแม่จาน้อย ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเชียงดาว ในเขตอุทยานเเห่งชาติผาเเดง หมู่ 4 บ้านเเม่จา ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

เมื่อไปถึงพบคนคอยดูต้นทาง ซึ่งจอดรถจักรยานยนต์อยู่บริเวณปากทาง เห็นเจ้าหน้าที่ได้วิ่งหลบหนีเข้าป่าไป เจ้าหน้าที่เข้าไปในป่าพบรถจักรยานของกลุ่มขบวนการผู้กระทำผิดอีก 1 คัน และรถแทรกเตอร์อีก 1 คัน จอดอยู่ข้างตอไม้ คาดว่าเจ้าของ/คนขับวิ่งหลบหนีไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปถึง โดยดึงเอากุญแจรถติดตัวไปด้วย

เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบไม้ประดู่จำนวน 4 ท่อน ปริมาตร 22.493 ลบ.ม. คิดค่าเสียหายของรัฐเป็นเงิน 787,255 บาท ตรวจพบตอไม้ จำนวน 8 ต้น/ตอ อยู่ในป่าที่เกิดเหตุ, ไม้ประดู่ จำนวน 59 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 9.630 ลบ.ม. คิดค่าเสียหายของรัฐเป็นเงิน 674,100 บาท, รถแทรกเตอร์ยี่ห้อ คูโบต้า สีส้ม ทะเบียน ตค 7265 เชียงใหม่ จำนวน 1 คัน, รถจักรยานยนต์ 2 คัน, ล้อเข็นพ่วง 1 คัน และตรวจยึดพื้นที่อุทยานแห่งชาติผาแดง ถูกบุกรุก เนื้อที่ประมาณ จำนวน 1 ไร่ 1 งาน 84 ตารางวา คิดค่าเสียหายในอัตราไร่ละ 68,245 บาท เป็นเงิน 99,525 บาท

และเมื่อตรวจสอบทะเบียนรถแทรกเตอร์ พบเป็นของนายธเนษฐ มีภูมิลำเนาอยู่ ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปสอบถามข้อมูล ซึ่งชาวบ้านในหมู่บ้านต่างก็ยืนยันว่ารถแทรกเตอร์คันดังกล่าวเป็นของนายธเนษฐ ซึ่งใช้งานอยู่เป็นประจำ ขณะที่นายธเนษฐ์ได้ชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ว่า “รถแทรกเตอร์คันดังกล่าวที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบอยู่ในป่าที่เกิดเหตุเป็นของตนจริง ถ้าอยากได้ข้อมูลให้ไปขอจากทนายความของตนแทน”

เจ้าหน้าที่จึงได้ขอสนับสนุนตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บวัตถุพยานในพื้นที่เกิดเหตุเพื่อใช้ประกอบสำนวนในการติดตามผู้กระทำความผิด พร้อมตรวจสอบเส้นทางเข้าไปทำไม้ และชักลาก พบว่ามีการบุกเบิกป่าตัดเป็นถนนทางเข้าป่าใหม่ๆ มีความยาวประมาณ 900 เมตร ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484, พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507, พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2562, ประมวลกฎหมายที่ดิน 2497

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมดนำส่ง สภ.นาหวาย เพื่อสืบสวนหาตัวผู้ร่วมกระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป










กำลังโหลดความคิดเห็น