บุรีรัมย์ - ป้าวัย 55 ชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ร้องตรวจสอบข้อเท็จจริงเงินช่วยเหลือจากโครงการรัฐที่โอนเข้า ธ.ก.ส. หายจากบัญชี 2 ครั้ง ครั้งละ 5,000 บาท เชื่อถูกปลอมลายมือชื่อแอบถอน ขณะ ตร.เรียกสอบผู้เกี่ยวข้องแล้ว อยู่ระหว่างส่งใบเสร็จที่เซ็นเบิกถอนเงินให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจยืนยัน
วันนี้ (6 เม.ย.) นางสมปอง ศรีผดุง อายุ 55 ปี ชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีอาชีพทำนาและเก็บของเก่าขาย ได้นำเอกสารหลักฐานออกมาร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเงินหายจากบัญชีธนาคาร โดยอ้างว่าเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2563 มีเงินช่วยเหลือจากโครงการของรัฐแต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเงินช่วยเหลือด้านการเกษตร หรือผลกระทบโควิด-19 ที่โอนเข้าบัญชี ธ.ก.ส.จำนวน 5,000 บาท แต่ถัดมาเพียง 2 วัน คือวันที่ 19 มิ.ย. 2563 เงินจำนวนดังกล่าวกลับถูกถอนออกไป โดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนถอน
จากนั้นเมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2563 มีเงินโอนเข้ามาอีก 5,000 บาท แต่ในวันเดียวกันยอดเงินดังกล่าวก็ถูกถอนออกไปอีก ซึ่งผู้ร้องยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนไปเบิกถอนเงินทั้ง 2 ครั้ง และกว่าจะรู้ว่าเงินถูกถอนออกจากบัญชีก็ผ่านไปนานเป็นปีแล้ว เนื่องจากไม่ค่อยได้นำสมุดบัญชีไปปรับเช็ก เพราะบัญชีดังกล่าวจะมีแค่เงินชดเชยส่วนต่างเกษตรกรหรือเงินช่วยเหลือจากรัฐโอนมาปีละครั้งเท่านั้น และนานๆ ครั้งลูกสาวจะโอนมาให้ครั้งละ 500-1,000 บาท
หลังจากทราบว่าเงินหายจากบัญชีเมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2564 วันที่ 3 ส.ค. 2564 ก็ได้นำเอกสารหลักฐานไปแจ้งความที่ สภ.นางรอง เพราะเชื่อว่าน่าจะมีคนปลอมแปลงลายมือชื่อของตัวเองไปเบิกถอนเงินทั้ง 2 ครั้ง รวมเป็นเงิน 10,000 บาท
กรณีดังกล่าวป้าสมปองจึงอยากเรียกร้องให้ทางธนาคาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินช่วยเหลือของรัฐในโครงการอะไร แล้วใครเป็นคนเบิกถอนเงินออกไป อยากให้เกิดความกระจ่าง และหากเป็นไปได้ก็อยากได้เงินจำนวนดังกล่าวคืน
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขานางรอง ตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้างถึง เพื่อจะสอบถามรายละเอียดกรณีที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่าเงินหายจากบัญชี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ธนาคารบอกเพียงว่าได้ให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว ไม่สะดวกและไม่มีอำนาจที่จะให้ข้อมูลกับสื่อ หากอยากทราบรายละเอียดให้ไปสอบถามกับทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี
ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปยัง สภ.นางรอง แต่พนักงานสอบสวนที่ทำคดีดังกล่าวได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งที่ สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ แล้วจึงได้โทรศัพท์สอบถามรายละเอียดกับพนักงานสอบสวนคนที่รับแจ้งความคดีดังกล่าว ให้ข้อมูลว่าหลังรับแจ้งความได้ทำการสอบปากคำทั้งผู้แจ้ง และเจ้าหน้าที่ธนาคารที่ถูกกล่าวอ้างถึงเรียบร้อยแล้ว
อยู่ระหว่างการส่งใบเสร็จที่มีการเซ็นเบิกถอนเงินทั้ง 2 ครั้ง ส่งไปให้กองพิสูจน์หลักฐานที่กรุงเทพมหานคร เพื่อทำการตรวจพิสูจน์ว่าลายมือชื่อนั้นเป็นของบุคคลใด ถ้าผลตรวจพิสูจน์แล้วพบว่าเป็นของบุคคลอื่นจริง ทางผู้บังคับบัญชาจะมอบหมายให้พนักงานสอบสวนที่ปฏิบัติหน้าที่ที่ สภ.นางรองทำคดีต่อ เนื่องจากพนักงานสอบสวนคนเดิมย้าย แต่หากผลพิสูจน์ว่าเป็นลายมือชื่อของเจ้าตัวหรือผู้แจ้งเอง คงไม่มีการสั่งฟ้องหรือแจ้งข้อหากับใครได้