กาฬสินธุ์ - ผู้ตรวจราชการ ก.ทรัพยากรธรรมชาติฯ พร้อมคณะลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าและปัญหาการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแปรรูปขยะเป็นพลังงาน และโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรแก้จน ตามโครงการเพิ่มปริมาณเก็บกักระบบน้ำและระบบกระจายน้ำเพื่อสนับสนุนการผลิตสินค้าเกษตรแก้ปัญหาภัยแล้ง
ที่สำนักงานเทศบาลตำบลกมลาไสย อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและคณะ ตรวจติดตามความก้าวหน้าและปัญหาการก่อสร้างระบบจัดการขยะเพื่อเป็นเชื้อเพลิง (RDF) และผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะมูลฝอยของเทศบาลตำบลกมลาไสย โดยมีนายอัครพงษ์ เขียวแจ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ (ทสจ.กาฬสินธุ์) พ.จ.ต.สำเนียง หวังเจริญ รักษาราชการแทนท้องถิ่น จ.กาฬสินธุ์, นางสาววิจิตรา ภูโคก นายกเทศมนตรีตำบลกมลาไสย และนายสักรินทร์ ภูงามเงิน ปลัดเทศบาลตำบลกมลาไสย ให้การต้อนรับ
จากนั้น นายเถลิงศักดิ์ตรวจติดตามความสำเร็จโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรแก้จน ที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติกาฬสินธุ์ บ้านหัวแฮด ต.ธัญญา อ.กมลาไสย และจุดสุดท้ายเดินทางไปที่แปลงเกษตรผสมผสานบ้านหนองกุง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์
นางสาววิจิตรา ภูโคก นายกเทศมนตรีตำบลกมลาไสย กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้มีการกำจัดขยะเป็นวาระแห่งชาติเนื่องจากปัญหาขยะส่งผลกระทบต่อประชาชนจากปริมาณขยะมีเพิ่มขึ้นทุกวัน เทศบาลตำบลกมลาไสยตระหนักถึงปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกำจัดขยะไม่ถูกต้อง จึงได้ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่งใน จ.กาฬสินธุ์ ลงนามความร่วมมือ สร้างระบบกำจัดขยะอย่างยั่งยืน กำหนดสร้างโรงงานกำจัดขยะในพื้นที่เทศบาลตำบลกมลาไสย
ซึ่งที่ผ่านมาได้ร่วมกับหลายภาคส่วน เช่น มูลนิธิสิ่งแวดล้อมศึกษา สถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อม ดำเนินการจัดทำข้อกำหนดขอบเขตงานหรือ TOR เพื่อให้มีการประมูลหาเอกชนมาดำเนินการ
เนื่องจากโครงการต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก โดยให้แนวทางในการจัดทำ TOR ว่าต้องคำนึงถึงประโยชน์ของชุมชนและประชาชนเป็นหลัก และต้องแก้ปัญหาขยะอย่างยั่งยืน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอื่นๆ
ด้านนายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ ผู้ตรวจกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีหน่วยงานในพื้นที่คือสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) ทำหน้าที่ให้การส่งเสริม ผลักดันเกษตรกรในด้านการประกอบอาชีพ และสนับสนุนปัจจัยการผลิตที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกำลังทำแผนที่สำรวจว่ามีความต้องการแหล่งน้ำอย่างไร หรือต้องการพันธุ์ไม้ในการเพาะปลูกอย่างไร ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับท้องถิ่นและตัวเกษตรกรเองว่ามีความสนใจ และความพร้อมแค่ไหน ทางกระทรวงฯ ยินดีสนับสนุนเต็มที่ เพื่อที่จะได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาไปด้วยกัน ที่สำคัญเกษตรกรมีอาชีพ มีรายได้อย่างยั่งยืน
ขณะที่นายอัครพงษ์ เขียวแจ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ (ทสจ.กาฬสินธุ์) กล่าวว่า เดิมฤดูแล้งพื้นที่ของศูนย์กสิกรรมธรรมชาติกาฬสินธุ์ขาดแคลนน้ำ ทสจ.กาฬสินธุ์จึงได้เข้ามาสนับสนุนบ่อบาดาล โดยเป็นแหล่งน้ำใต้ดินพลังงานแสงอาทิตย์ ตามโครงการเพิ่มปริมาณเก็บกักระบบน้ำ และระบบกระจายน้ำเพื่อสนับสนุนการผลิตสินค้าเกษตรแก้ปัญหาภัยแล้ง และโครงการกาฬสินธุ์กรีนมาร์เก็ต สามารถกระจายน้ำไปยังพื้นที่เกษตรรายอื่นที่อยู่ใกล้เคียงอย่างทั่วถึง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นในศูนย์กสิกรรมแห่งนี้คือต้นไม้ ธรรมชาติ ความชุ่มชื้นกลับคืนมา ประโยชน์ตามมาอีกมากมาย เช่น เป็นแหล่งเรียนรู้ แหล่งอาหาร ปลูกผักขายรายวัน รายเดือน รายปี มีผลไม้ตามฤดูกาล เกษตรกรมีรายได้ตลอดปี ถือเป็นต้นแบบของการบริหารจัดการน้ำ ที่เกิดจากโครงการเพิ่มปริมาณเก็บกักระบบน้ำ และระบบกระจายน้ำเพื่อสนับสนุนการผลิตสินค้าเกษตรแก้ปัญหาภัยแล้งดังกล่าว