xs
xsm
sm
md
lg

EA พร้อมขยายกำลังผลิตรถไฟฟ้าโดยสารสายเลือดไทยป้อนภาคขนส่ง หลังราคาน้ำมันพุ่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ฉะเชิงเทรา - EA บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสายเลือดไทยใน จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมขยายกำลังผลิตรถไฟฟ้าโดยสารป้อนภาคการขนส่งหลังราคาน้ำมันพุ่ง เชื่อความต้องการในตลาดยังมีอยู่สูง ขณะรถไฟฟ้าขนาดเล็กยังชะลอแผนลงทุน เหตุลูกค้าหลักคือผู้ให้บริการแท็กซี่ยังเจอผลกระทบโควิด-19 

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ซึ่งมีบริษัทในเครือคือ Mine Mobility ผู้ผลิตรถยนต์อีวี คันแรกรุ่นต้นแบบ Mine SPA1 ซึ่งได้เปิดตัวในงานมหกรรมยานยนต์ บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 เมื่อ 3 ปีก่อน เผยว่าปัจจุบันยังคงชะลอแผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กออกไปก่อน หลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2563 

เนื่องจากกลุ่มเป้าหมาย หรือลูกค้าที่ให้ความสนใจและได้สั่งจองไว้ล่วงหน้าจำนวนกว่า 3,500 คัน คือ กลุ่มผู้ประกอบการรถแท็กซื่ที่ได้รับผลกระทบด้านจำนวนผู้โดยสารที่ลดลง และยังต้องแบกภาระเรื่องการผ่อนชำระค่างวดรถยนต์คันเดิมอยู่

“หากเราผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กในช่วงเวลานั้นเชื่อว่าน่าจะเป็นการซ้ำเติมและสร้างภาระหนี้สินให้ผู้ให้บริการรถแท็กซี่เพิ่มมากขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ผู้ใช้บริการที่ลดน้อยลง จึงมองว่าอาจจะยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม จึงเป็นที่มาของการชะลอการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก หรือรถยนต์ EV “มายด์ สปาร์วัน” ออกไปก่อน”


อย่างไรก็ตาม แม้จะชะลอแผนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก แต่บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ยังคงมุ่งเน้นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ หรือรถยนต์โดยสารภาคการขนส่งที่ใช้พลังานไฟฟ้าขนาดใหญ่ เนื่องจากมองเห็นศักยภาพและความได้เปรียบทางการค้าต่อผู้ผลิตรายอื่นๆ จากความสามารถในการผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ได้เองภายในประเทศ

“การที่เราไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่างๆ ในการผลิตรถไฟฟ้าทำให้เรามีความเป็นต่อ นอกจากนี้ รถยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่เราผลิตยังมีข้อได้เปรียบเรื่องการชาร์จประจุพลังงานไฟฟ้าที่รวดเร็ว และสามารถประจุไฟฟ้าได้เต็มภายในเวลาเพียง 20 นาที ขณะที่ของผู้ผลิตรายอื่นอาจต้องะใช้เวลาอย่างน้อยถึง 1 ชั่วโมงขึ้นไป”

นายสมโภชน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ยังเผยถึงความคืบหน้าการก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้าใน อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ว่า ขณะนี้การก่อสร้างได้เสร็จสมบูรณ์และเริ่มไลน์ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ออกสู่ตลาดแล้ว จำนวน 120 คัน


โดยเป็นรถยนต์ไฟฟ้าโดยสาร (รถบัส) ขนาด 11 เมตร ที่ได้ส่งมอบให้แก่ผู้ประกอบการรถร่วม ขสมก. รวม 10 สายในกรุงเทพฯ และกำลังจะส่งมอบรถยนต์บัสไฟฟ้าขนาด 8 เมตร จำนวน 87 คัน ให้แก่ผู้ให้บริการรถโดยสารระหว่างเมือง สาย กรุงเทพฯ-ชลบุรี และกรุงเทพฯ-ระยอง เป็นลำดับต่อไป

“ขณะนี้โรงงานของเรามีกำลังการผลิตประมาณ 9 พันคันต่อปี และยังสามารถขยายกำลังผลิตได้อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าในช่วงที่ราคาน้ำมันโลกขยับตัวสูงขึ้นเช่นนี้จะทำให้ภาคการขนส่งมีความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อลดต้นทุนดำเนินงานมากขึ้น ขณะที่รัฐบาลเริ่มสนับสนุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจึงถือเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นบริษัทพร้อมเดินหน้าการผลิตรถไฟฟ้าขนาดเล็กเช่นกัน”

ส่วนโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนใน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา นั้นได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วเช่นกัน และได้เริ่มการผลิตตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปี 2564 โดยมีกำลังการผลิตที่ 1 GWh และสามารถที่จะขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 4 GWh ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว

ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้แม้จะต้องประสบปัญหาด้านแรงงานจากการเป็นอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งในเบื้องต้นอาจต้องว่าจ้างวิศวกรจากต่างประเทศในบางส่วนเพื่อเข้ามาพัฒนาศักยภาพของแรงงานไทยให้มีความรู้ความสามารถโดยเร็วที่สุด

นอกจากนั้น ยังมีการทำเอ็มโอยูร่วมกับสถานศึกษาในความพยายามที่จะจัดหาบุคลากรหรือสร้างบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะทางให้มากขึ้นด้วย






กำลังโหลดความคิดเห็น