ศูนย์ข่าวขอนแก่น - พ่อค้าแม่ค้าตลาดขายของป่า ต.โพนเพ็ก อ.มัญจาคีรี วิ่งหนีตายกันชุลมุน หลังเกิดเหตุลมหัวกุดโหมพัดเข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ซัดเต็นท์ปลิวขึ้นไปติดสายไฟฟ้าแรงสูงจนไฟช็อตทั้งที่ตอกสมอปักไว้กับดินอย่างแน่นหนา เผยตลาดแห่งนี้เพิ่งเปิดได้แค่สัปดาห์เดียวแต่เกิดเหตุแบบนี้แล้ว 3 ครั้ง เชื่อเป็นเพราะไม่ทำบุญให้เจ้าที่เจ้าทางก่อนเปิดค้าขาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเย็นวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมาในสังคมออนไลน์ได้แชร์คลิปภาพนาทีที่ลมพายุหรือลมหัวกุดได้พัดเอาเต็นท์ทั้งหลังปลิวขึ้นไปติดสายไฟฟ้าแรงสูงจนทำให้เกิดไฟฟ้าช็อตมีประกายไฟลุกไหม้ ทำเอาบรรดาพ่อค้าแม่ค้าและชาวบ้านที่มาเลือกจับจ่ายซื้อของในตลาดขายของป่า ต.โพนเพ็ก อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ต้องพากันวิ่งหนีตายอลหม่าน เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.15 น.
จากการพูดคุยกับนางสาวชลธิต เจนคง อายุ 29 ปี เจ้าของคลิปและผู้โพสต์คลิปดังกล่าว เล่าว่า ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ละคนกำลังเลือกซื้ออาหารการกินกันอยู่ ส่วนใหญ่เป็นของป่าที่ชาวบ้านไปหามาขายกันเหมือนปกติ แต่จู่ๆ ก็ได้เกิดลมพายุที่ชาวบ้านเรียกว่า “ลมหัวกุด” พัดมาจากไหนก็ไม่ทราบ พัดหมุนมาคล้ายพายุงวงช้าง ก่อนจะพัดเต็นท์ที่กางไว้ให้ชาวบ้านขายของปลิวขึ้นไปพาดกับสายไฟฟ้าแรงสูง และเกิดเสียงไฟฟ้าช็อตดังสนั่น
ตนและชาวบ้านคนอื่นๆ ต้องพากันวิ่งหนีตายเอาชีวิตรอด หลังจากนั้นไม่นานพายุก็สงบลง จึงพากันออกมาสำรวจความเสียหาย ก็พบว่ามีเต็นท์ถูกลมหัวกุดพัดพังเสียหาย 2 หลัง และยังมีรถยนต์ของชาวบ้านได้รับความเสียหายถูกเสาเต็นท์ตกลงมากระแทก
นางสาวชลธิตเล่าอีกว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น เพราะหลังจากเปิดตลาดซื้อขายของป่าแห่งนี้ได้ราว 1 สัปดาห์ได้เกิดเหตุลมหัวกุดพัดมาแล้ว 3 ครั้ง ที่น่าแปลกใจคือทุกครั้งที่เกิดเหตุจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. ลักษณะการเกิดเหตุก็จะเป็นแบบเดิม คือ ไม่มีสัญญาณเตือน คือจู่ๆ ก็จะมีลมพัดมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ชาวบ้านที่เป็นผู้เฒ่าผู้แก่เชื่อว่าจะเป็นการส่งสัญญาณเตือนของเจ้าที่เจ้าทางและสัมภเวสีที่สิงสถิตอยู่ในบริเวณนี้
เพราะก่อนที่จะมีการปรับปรุงพื้นที่บริเวณนี้เป็นตลาด ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเคยบนบานไว้ว่าจะมีการประกอบพิธีทำบุญให้เจ้าที่เจ้าทาง แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทำกัน
อีกทั้งยังมีเรื่องเล่าจากผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านอีกว่าบริเวณตลาดนัดแห่งนี้เมื่อประมาณ 20-30 ปีก่อนเคยเป็นป่ารกและถนนก็ยังเป็นทางลูกรัง เคยเกิดเหตุคนยิงกันตายแล้วนำศพมาเผานั่งยางที่บริเวณนี้ด้วย เหตุการณ์ที่พายุพัดแบบเดียวกันถึง 3 ครั้ง ชาวบ้านจึงเชื่อว่าไม่ใช่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ