ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ผบช.ตร.ภาค 4 สั่งตำรวจทุกโรงพักในสังกัดให้ใช้วิจารณญาณในการทำงานมากขึ้น โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายความผิดเกี่ยวกับกัญชา แนะให้ดูเจตนารมณ์ของกฎหมาย หลังเกิดกรณีฉาวตำรวจ สภ.อุบลรัตน์จับสองยายที่ปลูกต้นกัญชา 1 ต้น
วันนี้ (24 มี.ค.) พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ในฐานะโฆษกตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยว่า ตามที่สื่อต่างๆ ได้เสนอข่าวกรณียายวัย 72 ปี ปลูกกัญชาไว้ต้มรักษาโรคแค่ต้นเดียว ถูกตำรวจ สภ.อุบลรัตน์จับ ซ้ำไม่ให้ประกันตัว ขอชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2565 เวลาประมาณ 11.50 น. ตำรวจฝ่ายสืบสวนของ สภ.อุบลรัตน์ ภ.จว.ขอนแก่น ได้ร่วมกันจับกุมนางนาง มหาเสนา อายุ 72 ปี และนางบุญเส็ง สิงห์เหิน อายุ 48 ปี พร้อมของกลางคือ ต้นกัญชาคนละ 1 ต้น กล่าวหาว่า "ผลิตและมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 (กัญชา) โดยไม่ได้รับอนุญาต" เหตุเกิดที่บ้านพักของนางนาง และนางบุญเส็ง อ.อุบลรัตน์ วันที่ 20 มี.ค. 2565 เวลาประมาณ 10.00 น. นางนาง และนางบุญเส็ง ได้รับการปล่อยตัวไปชั่วคราว
ต่อมา วันที่ 23 มี.ค. 2565 เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 ได้ให้ พ.ต.อ.ดิเรกฤทธิ์ ปานเรือนแสน ผกก.สภ.อุบลรัตน์ พร้อมกับชุดจับกุมเข้าพบเพื่อสอบถามพฤติการณ์การจับกุม โดย พล.ต.ท.ยรรยงได้ให้นโยบายและกำชับการปฏิบัติให้กับตำรวจของ สภ.อุบลรัตน์ และสั่งการให้ตำรวจของภาค 4 ทราบว่าให้ใช้วิจารณญาณให้มากที่สุดในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับกัญชา เช่น หากมีกัญชาจำนวนเล็กน้อย มีไว้เพื่อรักษาโรค มิได้มีไว้เพื่อการพาณิชย์ ก็ให้พิจารณาเจตนารมณ์ของกฎหมายประกอบด้วย
โดยหากการกระทำนั้นไม่ขัดต่อความสงบสุขของสังคมและไม่ได้ทำให้ประชาชนส่วนรวมได้รับความเดือดร้อน ไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาต่อสังคมและประชาชนโดยรวม ก็ให้ทำความเข้าใจและอธิบายให้ผู้กระทำผิดนั้นทราบข้อกฎหมายในเบื้องต้นก่อน อย่าบังคับใช้กฎหมายในทันที
อย่างไรก็ตาม หลังมีการจับกุมในครั้งนี้ พ.ต.อ.ดิเรกฤทธิ์ก็ได้เข้าพบทั้งนางนาง และนางบุญเส็ง พร้อมทั้งญาติพี่น้อง และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่ออธิบายและสอบถามความต้องการของชาวบ้านประชาชน ทั้งนางนาง และนางบุญเส็ง เข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจชุดเข้าจับกุมเป็นอย่างดีแล้ว และแจ้งต่อ พ.ต.อ.ดิเรกฤทธิ์ว่า ต่อไปขอให้ได้รับการประกันตัวเร็วกว่านี้
ซึ่ง พ.ต.อ.ดิเรกฤทธิ์ก็ยืนยันต่อชาวบ้านและประชาชนว่าจะปรับปรุงการให้บริการ การให้ประกันตัวให้ดีขึ้นและรวดเร็วกว่านี้ ทั้งนางนาง และนางบุญเส็ง ตลอดจนญาติพี่น้องและกำนัน ผู้ใหญ่บ้านต่างพอใจและไม่ติดใจการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจใดๆ ทั้งสิ้นแล้ว